ถ้าจะให้พูดถึงสิ่งที่หมอเชื่อว่าในทุกบ้านนั้นจะต้องมี ไม่ต่างกับยาสามัญประจำบ้าน นั่นก็คือ “หวี” ค่ะ หวีที่เราเอาไว้หวีจัดทรงผมของเรานี่แหละค่ะ แล้วเคยสังเกตกันมั้ยคะ ว่าหวีในบ้านที่ใช้กันอยู่ตอนนี้ เวลาหวีแล้วทำให้เราผมร่วงมากขึ้นมั้ย หรือหวีอันนี้เข้ากับสภาพเส้นผมของเราหรือเปล่านะ แล้วถ้าหวีที่ใช้ไม่เหมาะกับเส้นผมของเราจะเป็นยังไง? วิ่งไปหยิบหวีมาถือให้มั่น แล้วมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันดีกว่าค่ะ
หวีมีกี่แบบ
ถ้าจะแยกกันแบบชัดๆ หมอต้องขอแยกย่อยออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ นั่นก็คือ หวี และ แปรง โดยทั้งสองแบบนี้ มีหน้าที่และจุดประสงค์ที่เป็นไปในลักษณะเดียวกัน คือการจัดแต่งทรงผมและลดผมพันกัน โดยหวีและแปรงแต่ละแบบแบ่งออกเป็นชนิดต่างๆ ดังนี้
ประเภทของหวี
หวีซี่ห่าง (Wide-Tooth Comb)
เหมาะสำหรับใช้หวีสางผมที่พันกัน หรือใช้หวีเพื่อกระจายแชมพูและครีมนวดขณะสระผม
หวีไม้ (Wooden hair comb)
วิธีใช้งานเหมือนกันกับหวีซี่ห่าง แต่จะไม่มีไฟฟ้าสถิตเหมือนหวีแบบอื่นๆ เหมาะกับคนที่ผมชี้ฟู
หวีปลายแหลมหรือหวีหาง (Tail Comb)
จะเรียกว่าหวีอเนกประสงค์ก็ได้ เพราะด้วยความถี่ของซี่หวีที่นอกจากจะใช้หวีจัดทรงได้แล้ว ปลายหางที่ยาวและแหลมก็ยังสามารถใช้สำหรับการแบ่งแสกผมได้อีกด้วย

ประเภทของแปรง
แปรงสี่เหลียมผืนผ้า (Vent hair brush)
เป็นแปรงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน แปรงประเภทนี้สามารถช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับเส้นผม และยังเหมาะกับผู้ที่มีผมเส้นเล็ก เปราะบางขาดง่าย
แปรงไม้พาย (Paddle Hair Brush)
แปรงขนาดใหญ่หน้ากว้าง 3 นิ้วขึ้นไป เหมาะกับคนที่ผมยาวปานกลางถึงยาวมาก และผู้ที่ผมยาวตรงตามธรรมชาติ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตขณะหวี และยังสามารถหวีผมที่หยักศกให้ตรงขึ้นได้มากกว่าเดิมจากจำนวนของซี่ที่มากนั่นเอง
แปรงวงรีครึ่งวง (Cushion Hair Brush)
เหมาะกับการใช้หวีผมในชีวิตประจำวันมากที่สุด เพราะบริเวณตรงฐานรองซี่นั้นมีคความนุ่มมาก ทั้งยังมีปลายซี่ที่มีตุ่มกลมๆ ช่วยลดแรงเสียดทานขณะหวี ทำให้แปรงตัวนี้ช่วยนวดกระตุ้นหนังศีรษะได้เป็นย่างดี
แปรงกลมแกนเซรามิก (Ceramic round brush)
แกนที่ทำจากเซรามิก มีคุณสมบัติในการกักเก็บความร้อนได้ดี เมื่อใช้คู่กับการไดร์ผมจะช่วยให้ผมแห้งไวขึ้น ทั้งยังสามารถใช้ในการจัดแต่งทรงผมได้หลากหลาย รวมไปถึงการเพิ่มวอลลุ่มให้แก่เส้นผม
แปรงไม้แบบกลม (Wooden Round Brush)
ใช้ในการจัดแต่งทรงผมเช่นเดียวกับแบบแกนเซรามิก แต่จะต่างกันตรงที่ แปรงแบบไม้นั้นจะไม่ก่อให้เกิดไฟฟ้าสถิต จึงไม่ทำให้ผมชี้ฟู อีกทั้งตัวซี่ยังมีความนุ่มนวล จึงไม่สร้างภาระให้กับเส้นผมและหนังศีรษะมากเกินไปด้วย
แปรงยีผม (Teasing Brush)
ใช้สำหรับการยีผมให้ฟูเหมือนตีโป่ง ยิ่งขนแปรงถี่มากเท่าไรก็ยิ่งยีได้ฟูมากเท่านั้น แปรงตัวนี้มักพบได้ตามร้านทำผมหรือกับช่างทำผมมืออาชีพมากกว่าจะอยู่ตามบ้านค่ะ
ข้อเสียของการใช้หวีที่ไม่ตรงกับสภาพผม
การใช้หวีที่ไม่เหมาะกับสภาพเส้นผมนั้น นอกจากจะทำให้หวียากแล้ว ยังเสี่ยงต่อการทำให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ เช่น หากเราเป็นคนที่มีผมหยักศกแต่กลับใช้หวีซี่ถี่ในการหวีผม ความเล็กถี่ของหวีนี้เองที่จะไปดึงรั้งเส้นผมของเรา ทำให้หลุดออกมามากขึ้นทุกครั้งที่หวี ซึ่งควรเปลี่ยนไปใช้หวีซี่ห่าง หรือแปรงผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยมากกว่า

วิธีการใช้หวีที่ถูกต้อง
- เลือกซื้อหวีที่เหมาะกับสภาพเส้นผม
- ไม่เลือกหวีหรือแปรงที่มีขนแปรงคมจนเกินไป
- หวีผมด้วยน้ำหนักมือที่พอดี และควรหวีไล่ตั้งแต่ปลายผมขึ้นมา
- ทำความสะอาดหวีด้วยแชมพูหรือสบู่สูตรอ่อนโยนสัปดาห์ละครั้ง
หวีนั้นมีหลายชนิด โดยแบ่งได้เป็นประเภทของหวีและแปรงตามสภาพเส้นผมและการใช้งานในโอกาสต่างๆ ทั้งนี้ยังควรเลือกหวีให้เหมาะสมกับสภาพเส้นผมของตัวเอง นอกจากนี้ยังไม่ควรหวีผมด้วยน้ำหนักมือที่มากจนเกินไป และควรไล่หวีตั้งแต่ปลายผมขึ้นมาเพราะจะช่วยลดการขาดร่วงลงได้ สุดท้ายคือต้องไม่ลืมที่จะทำความสะอาดหวีและแปรงของเราด้วยแชมพูแบบอ่อนโยนบ้าง เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคค่ะ