ใครก็ตามที่เคยหาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษา ผมร่วง ผมบางมาบ้าง คงอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับยาตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า Finasteride ว่ามีสรรพคุณที่ช่วยรักษาอาการผมร่วงผมบางอย่างได้ผลชัดเจน จนมีคนจำนวนไม่น้อย ที่ต่างก็หาซื้อมากินกันเองโดยไม่ผ่านการวินิจฉัยของแพทย์ วันนี้หมอจึงรวบรวมเอาข้อมูลเกี่ยวกับยา Finasteride มาฝากกัน ว่าเจ้ายาตัวนี้มีส่วนช่วยในการรักษาผมร่วงผมบางได้ยังไง และอาการข้างเคียงในการใช้ยาที่ร้านยาตามเน็ตไม่เคยบอกคุณ
Finasteride คืออะไร
Finasteride อ่านว่า ฟีแนสเตอไรด์ เป็นยากลุ่ม 5-alpha reductase inhibitors ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการสร้างฮอร์โมนเพศชาย Dihydrotestosterone (DHT) ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะผมบางจากฮอร์โมนและใช้รักษาผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโต ซึ่งปัจจัยในการรักษาของโรคแต่ละโรค จะแตกต่างกันที่ปริมาณของตัวยา และระยะเวลาที่ใช้การในทำการรักษา
การทำงานของยา Finasteride
ตัวยา Finasteride นั้น จะทำงานโดยการออกฤทธิ์ ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5α-reductase ที่เป็นตัวการในการเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ไปเป็นฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือที่เรามักได้ยินในชื่อ DHT ที่เป็นฮอร์โมนที่มีในเพศชาย ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดพัฒนาอวัยวะต่างๆ ให้เป็นผู้ชายมากขึ้น เช่น เสียงแตกในวัยรุ่น หนวดเครา การเติบโตของอวัยวะเพศ เป็นต้น นอกจากนี้ยังถือเป็นฮอร์โมนที่เป็นศัตรูตัวฉกาจต่อเส้นผมของเรา
เพราะถ้าหากเรามีปริมาณของ DHT มากเกินไป จะส่งผลให้กระบวนการสร้างเส้นผมของร่างกายถูกรบกวน ซึ่งจะทำให้ระยะเจริญเติบโต (Anagen) ของเส้นผมหดน้อยลง และเพิ่มระยะพักของเส้นผม (Telogen) ให้นานขึ้น ทำให้เกิดภาวะผมร่วงได้ในที่สุด
แต่แค่ผมร่วงยังไม่พอ เพราะเจ้า DHT ตัวนี้มีลูกเล่นที่ร้ายกาจมากกว่านั้น เพราะเมื่อฮอร์โมน DHT จับตัวเข้ากับตัวรับฮอร์โมนเพศ (Androgen receptor) เมื่อไหร่ ก็จะเกิดเป็นสารประกอบเชิงซ้อนไปกระตุ้นยีนที่เกี่ยวข้องกับการทำให้เกิดการตายของเซลล์ (Apoptosis) ที่บริเวณส่วนปลายของรากขนและยังไปลดขนาดของส่วนปลายของรากขน ทำให้ผมที่พยายามขึ้นใหม่มีลักษณะไม่สมประกอบ หรือทั้งบางและสั้นกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งไม่นานผมเหล่านี้ก็จะหลุดร่วงออกไปจนหมด ทำให้เกิดอาการหัวล้านนั่นเอง
นอกจากใช้ยาปลูกผมฟินาสเตอร์ไรด์ในการรักษาผมร่วงผมแล้ว ยังมีวิธีรักษาผมร่วงผมบางได้อีกหลากหลายวิธีตามแต่ปัญหาของคนไข้แต่ละคน ศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความนี้ รักษาผมร่วง ผมบาง โดยแพทย์ด้านการปลูกผม
อาการข้างเคียงของยา Finasteride
แม้ว่ายา Finasteride นั้นจะสามารถรักษาภาวะผมร่วงผมบางได้จริง แต่หากใช้ผิดวิธีหรือใช้ปริมาณตัวยาที่ไม่สัมพันธ์กับวัตถุประสงค์ในการรักษา ยา Finasteride ก็อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงกว่าปกติได้ โดยอาการข้างเคียงที่มักเกิดขึ้นขณะทำการรักษา มีดังนี้
- อาการผิดปกติในการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ความต้องการทางเพศและปริมาณน้ำอสุจิลดลง ทั้งยังอาจมีการเจ็บอัณฑะร่วมด้วย โดยอากาหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่พบนี้ เกิดขึ้นใน 2-5% ของผู้ใช้ยา Finasteride เท่านั้น และจะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ เมื่อหยุดการรักษาค่ะ
- เต้านมขยายใหญ่ขึ้นในผู้ชาย มีก้อน เจ็บเต้านมและอาจมีสารคัดหลั่งไหลออกมา
- มีค่าการทำงานของตับผิดปกติ หากคนไข้ใช้ Finasteride ต่อเนื่องเป็นประจำ จึงจำเป็นต้องหมั่นตรวจเช็คค่าการทำงานของตับทุกปี และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำร้ายตับ เช่น การดื่มสุรา การกินยาหรือสมุนไพรที่ส่งผลต่อตับ เป็นต้น
- ภาวะซึมเศร้า พบได้ใน 3% ของผู้ที่ใช้ยา
หากมีอาการดังกล่าวควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางการรักษาโดยไวและไม่ควรปล่อยเอาไว้จนอาการแย่ลงนะคะ นอกจากนี้ ยา Finasteride ยังไม่ควรใช้ในผู้ที่แพ้สารประกอบของยาชนิดนี้ รวมทั้งไม่ควรใช้ในผู้ที่ตั้งครรภ์ เพราะอาจส่งผลกระทบกับระบบสืบพันธุ์ของทารกในครรภ์ได้
สรุป
Finasteride เป็นยากลุ่ม 5-alpha reductase inhibitors ทำงานโดยการออกฤทธิ์ ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5α-reductase ที่เป็นตัวการในการเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน ไปเป็นฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีในเพศชาย ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดพัฒนาอวัยวะต่างๆ ให้เป็นผู้ชายมากขึ้น เช่น เสียงแตก หนวดเครา เป็นต้น ทั้งยังถือเป็นฮอร์โมนที่เป็นศัตรูต่อเส้นผม เพราะถ้าหากเรามีปริมาณของ DHT มากเกินไป จะส่งผลให้กระบวนการสร้างเส้นผมของร่างกายถูกรบกวน ซึ่งจะทำให้ระยะเจริญเติบโต (Anagen) ของเส้นผมหดน้อยลง และเพิ่มระยะพักของเส้นผม (Telogen) ให้นานขึ้น ทำให้เกิดภาวะผมร่วงได้ในที่สุด โดยการรักษาด้วยยา Finasteride นั้น อาจพบอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย เช่น ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เต้านมโตผิดปกติ ผลกระทบต่อการทำงานของตับ และภาวะซึมเศร้า ซึ่งหากเกิดอาการข้างเคียงดังกล่าว ให้รีบเข้าพบแพทย์โดยเร็วเพื่อปรับเปลี่ยนแผนการรักษาค่ะ