ยาไมน็อกซิดิล (Minoxidil) ช่วยเรื่องผมร่วงจริงหรือ
ถ้าพูดถึงการรักษาผมร่วง ผมบางด้วยการใช้ยาแล้วล่ะก็ นอกเหนือจากยาฟีแนสเตอร์ไรด์ (Finasteride) แล้ว หลายๆ คนก็คงเคยได้ยินชื่อของ ไมน็อกซิดิล (Minoxidil) กันมาบ้าง แต่ถ้าไม่เคยรู้จักยาตัวนี้มาก่อนก็ไม่เป็นไร มาทำความรู้จักกันในบทความนี้นะคะ
เดิมทียาปลูกผม ไมน็อกซิดิล (Minoxidil) เป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง มีกลไกการทำงานคือช่วยขยายหลอดเลือดเพื่อให้ความดันโลหิตลดลง แต่ผลข้างเคียงที่เกิดจากยาก็คือ เมื่อทานยาไประยะหนึ่งจะทำให้ผมงอกขึ้นมา สาเหตุก็เพราะเมื่อเลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น รากผมจึงได้รับสารอาหารมากขึ้นไปด้วย ผลข้างเคียงที่ว่านี้เลยกลายเป็นประโยชน์ที่นำมาใช้ในการรักษาภาวะ ผมร่วง ผมบาง เพียงแต่ปริมาณยา (Dosage) ที่ใช้จะน้อยกว่า เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบในด้านอื่นๆ กับผู้ใช้นั่นเอง
ยาปลูกผม ไมน็อกซิดิล (Minoxidil) มีกี่รูปแบบ
ไมนอกซิดิล (Minoxidil) แบบกิน
อาจมีคนสงสัยว่าทั้งสองแบบต่างกันยังไง มีข้อดีข้อเสียยังไง และควรเลือกใช้รูปแบบไหนดีใช่ไหมคะ หมอขอตอบแบบนี้แล้วกันค่ะว่า ถ้าเราเปรียบเทียบกันในแง่ประสิทธิภาพก็ต้องบอกว่ายากินมีประสิทธิภาพกว่ายาทา แต่ข้อเสียก็คือ อาจทำให้ขนขึ้นทั่วตัว เพราะเรากินยาเข้าไป เลือดก็ไปเลี้ยงทั้งขนและผมทั่วตัวโดยเลือกให้มาเลี้ยงเฉพาะรากผมเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ทั้งนี้ถ้าเราหยุดกินยา ขนเหล่านั้นก็จะร่วงไปเอง
ไมนอกซิดิล (Minoxidil) แบบทา
จะมีข้อดีตรงที่สามารถเลือกจุดที่ต้องการได้ นั่นก็คือทาลงไปบนหนังศีรษะโดยตรง แต่หลายๆ คนก็อาจรู้สึกว่ายุ่งยาก บางยี่ห้ออาจเหนียวเหนอะหนะ รวมถึงส่วนใหญ่แล้ว ไมน๊อกซิดิล แบบทาจะมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ในผู้ที่แพ้ หรือเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ
ไมน็อกซิดิลรักษาผมร่วงได้จริงมั้ย
อีกคำถามที่มักพบบ่อยก็คือ ไมน๊อกซิดิล ช่วยรักษาผมร่วงได้ไหม คำตอบก็คือ ไม่ได้ช่วยนะคะ สำหรับการรักษาภาวะผมร่วงผมบางที่เกิดจากกรรมพันธุ์และฮอร์โมนที่เราพบกันมากในผู้ชายจะรักษาด้วยการกินยา Finasteride ซึ่งเป็นการรักษาที่ตรงจุดที่สุด ส่วนยา ไมน๊อกซิดิล จะนำมาใช้ควบคู่กันเพื่อเสริมให้ผมงอกได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขึ้นชื่อว่ายาแล้วหมอไม่แนะนำให้ไปซื้อยาปลูกผมมาใช้เองนะคะ ไม่ว่าจะเป็นแบบกินหรือแบบทา ขอให้ปรึกษาแพทย์ด้านเส้นผมก่อน เพื่อพิจารณาแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัยกับแต่ละบุคคล ส่วนในคนที่เริ่มมีภาวะศีรษะล้านไปแล้ว กล่าวคือไม่มีเซลล์รากผมในพื้นที่นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นยาฟีแนสเตอร์ไรด์ หรือ ไมนอกซิดิล ก็ไม่สามารถช่วยได้ เพราะฉะนั้นการปลูกผมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ไขปัญหานี้ค่ะ