fbpx

รู้จักกับ โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ (Discoid Lupus Erythematosus)

/
/
รู้จักกับ โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ (Discoid Lupus Erythematosus)
โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ

วันนี้หมออยากมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับ โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ (Discoid Lupus Erythematosus) ค่ะ โรคนี้เป็นหนึ่งในกลุ่ม โรคลูปัส (Lupus) หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง ที่ส่งผลกระทบต่อผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณหนังศีรษะ ทำให้เกิด ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) และ ผมร่วงแบบมีแผลเป็น (Scarring alopecia) ที่อาจทำให้เส้นผมไม่สามารถงอกขึ้นใหม่ได้

โรคนี้อาจฟังดูน่ากังวลนะคะ แต่หากเราเข้าใจสาเหตุ อาการ และรู้จักวิธีจัดการ ก็สามารถช่วยลดผลกระทบและชะลอการลุกลามได้ค่ะ หมอขอเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ ไปทีละส่วนเลยนะคะ

โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ เป็นโรคที่เกิดจาก การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน (Immune response) ที่ทำงานผิดปกติ ทำให้ร่างกายไปโจมตีเซลล์ผิวหนังของตัวเอง โรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง ส่งผลให้เกิดการอักเสบ ผื่น และแผลเป็นค่ะ โดยลักษณะเด่นของโรคนี้คือ การสูญเสียเส้นผมอย่างถาวร ในบริเวณขอบผมด้านหน้าและแนวขมับ ถูกกระตุ้นได้ด้วยการโดนแสงแดด และการสูบบุหรี่

โรคนี้พบได้บ่อยในผู้หญิงค่ะ โดยเฉพาะในวัยที่ผิวเริ่มไวต่อแสงแดดหรือมีปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ แม้จะดูเป็นโรคเฉพาะทาง แต่ก็สามารถจัดการได้หากรักษาอย่างเหมาะสมนะคะ

หลายคนอาจสงสัยว่า โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ เกิดขึ้นได้อย่างไร จริงๆ แล้วสาเหตุของโรคนี้ยังไม่แน่ชัดค่ะ แต่มีปัจจัยบางอย่างที่เกี่ยวข้องและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ ได้แก่

  1. พันธุกรรม

ถ้าในครอบครัวของเรามีคนที่เป็น โรคในกลุ่มลูปัส (Lupus) หรือโรคภูมิต้านทานทำร้ายตนเอง เราอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้มากขึ้นค่ะ พันธุกรรมเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ร่างกายมีแนวโน้มที่จะตอบสนองภูมิคุ้มกันผิดปกติ

  1. แสงแดด

รังสี UV จากแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญที่ทำให้เกิดการอักเสบในหนังศีรษะค่ะ สำหรับผู้ที่มีความไวต่อแสงแดด การสัมผัสแสงแดดมากๆ เป็นเวลานานอาจทำให้อาการของโรคกำเริบหรือแย่ลง

  1. ภูมิคุ้มกันผิดปกติ

ระบบภูมิคุ้มกันของเรามีหน้าที่ป้องกันร่างกายจากเชื้อโรค แต่บางครั้งมันอาจทำงานมากเกินไปจนไปโจมตีเซลล์ของตัวเองค่ะ ทำให้เกิดการอักเสบและความเสียหายต่อเนื้อเยื่อหนังศีรษะ

อาจฟังดูซับซ้อนนะคะ แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ สิ่งสำคัญคือเราสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการดูแลตัวเอง เช่น ปกป้องหนังศีรษะจากแสงแดด หลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจกระตุ้นอาการ และพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมนะคะ

โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ มีอาการที่ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งถ้าคุณสังเกตเห็นลักษณะดังต่อไปนี้ หมออยากแนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาอย่างเหมาะสมนะคะ

อาการโรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ
  1. ผื่นแดงนูน

ผื่นลักษณะนี้มักเกิดบริเวณหนังศีรษะ โดยมีสีแดงหรือเข้ม มีสะเก็ดรอบๆ รูขุมขน และอาจขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสัญญาณของการอักเสบค่ะ

  1. ผมร่วงแบบมีแผลเป็น

เส้นผมในบริเวณที่เกิดผื่นมักจะร่วง และไม่สามารถงอกใหม่ได้ เนื่องจากรูขุมขนถูกทำลายถาวร ส่งผลให้เกิดแผลเป็นบริเวณหนังศีรษะเป็นหย่อม มีขอบเขตชัดเจน

  1. ผิวหนังแข็งหรือแห้ง

ผิวหนังบริเวณที่ได้รับผลกระทบอาจมีลักษณะแข็ง หรือแห้งกว่าปกติ ทำให้ดูแตกต่างจากส่วนอื่นๆ ของหนังศีรษะอย่างชัดเจน

หากปล่อยให้อาการเหล่านี้ดำเนินไปโดยไม่ได้รับการดูแล อาจทำให้เกิดการลุกลาม ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตได้ค่ะ การปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันการสูญเสียเส้นผมและรักษาสุขภาพหนังศีรษะได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

ในการวินิจฉัย โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ (Discoid Lupus Erythematosus) แพทย์จะเริ่มจากการตรวจร่างกายเพื่อสังเกตลักษณะของอาการ เช่น ผื่นหรือรอยโรคบริเวณหนังศีรษะ และอาจใช้การตรวจเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำมากขึ้นค่ะ วิธีที่แพทย์มักใช้ ได้แก่

  1. การตรวจชิ้นเนื้อ

เป็นการตัดเนื้อเยื่อเล็กๆ จากบริเวณที่มีรอยโรคบนหนังศีรษะเพื่อนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ การตรวจนี้ช่วยยืนยันว่าเป็นโรคดีแอลอี หรือโรคอื่นที่มีลักษณะอาการใกล้เคียงกันค่ะ

  1. การตรวจเลือด

ใช้เพื่อตรวจดูการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและหาสัญญาณของ โรคลูปัส (Lupus) หรือความผิดปกติที่เกี่ยวข้อง การตรวจเลือดจะช่วยให้แพทย์ประเมินภาพรวมของโรคได้ดีขึ้นค่ะ

  1. การซักประวัติสุขภาพ

แพทย์จะสอบถามประวัติสุขภาพในอดีต รวมถึงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ประวัติครอบครัว มีลักษณะการใช้ชีวิตที่ต้องเจอแสงแดดที่อาจกระตุ้นโรคหรือไม่ และอาการที่เคยพบ เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ของคนไข้อย่างละเอียด

การวินิจฉัยที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ เพราะจะช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย และช่วยป้องกันไม่ให้โรคลุกลามจนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตค่ะ

สำหรับโรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การลดการอักเสบของผิวหนังและชะลอไม่ให้โรคลุกลามค่ะ ซึ่งวิธีการรักษาที่แพทย์มักแนะนำมีดังนี้

  1. ยาสเตียรอยด์ (Corticosteroids)

ใช้เพื่อลดอาการอักเสบและบวมที่หนังศีรษะ ยาชนิดนี้อาจมาในรูปแบบครีม ยาทา หรือยาฉีด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการค่ะ

  1. ยาต้านภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressants)

เช่น Hydroxychloroquine ยาชนิดนี้ช่วยปรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานผิดปกติ ลดการโจมตีเซลล์ผิวหนังของร่างกายเอง ซึ่งช่วยบรรเทาอาการอักเสบได้ดีค่ะ

  1. การป้องกันแสงแดด

แสงแดดเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญของโรคนี้ ดังนั้นการใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง หรือการสวมหมวกป้องกันแสง UV เมื่อออกแดด จะช่วยลดโอกาสที่อาการจะรุนแรงขึ้นค่ะ

  1. การรักษาผมร่วง (Hair loss treatment)

หากเกิดการสูญเสียเส้นผมในบริเวณที่มีแผลเป็น แพทย์อาจแนะนำการปลูกผมหรือใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยฟื้นฟูเส้นผม เช่น ผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ปิดผมบาง หรือยากระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมค่ะ

การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและความเหมาะสมของผู้ป่วยในแต่ละรายค่ะ หากคุณมีอาการ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและติดตามผลอย่างใกล้ชิด และไม่ควรซื้อยามารักษาเองนะคะ เพราะยาที่ใช้รักษาแต่ละชนิดมีผลข้างเคียงที่ต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์ค่ะ

ถ้าคุณเป็น โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยบรรเทาอาการแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้อาการลุกลามอีกด้วย หมอมีคำแนะนำง่ายๆ มาฝากนะคะ

วิธีป้องกันโรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ
  • ปกป้องหนังศีรษะจากแสงแดด ควรสวมหมวกเวลาออกแดด หรือใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับหนังศีรษะเพื่อป้องกันรังสี UV
  • เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงแชมพูหรือครีมที่มีสารเคมีรุนแรง
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อย่างอาหารที่มีโปรตีน (ปลา ไข่) ธาตุเหล็ก (ผักใบเขียว เนื้อแดง) และวิตามิน (ผลไม้สด ธัญพืช)
  • อย่าลืมพบแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินอาการและปรับแผนการรักษานะคะ การดูแลอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ควบคุมโรคได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

การดูแลตัวเองตามคำแนะนำเหล่านี้ จะช่วยให้เรารับมือกับโรคดีแอลอีได้อย่างมั่นใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นค่ะ

โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ เป็นโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อหนังศีรษะและเส้นผมได้อย่างถาวรค่ะ โดยเฉพาะในเรื่องของผมร่วงแบบมีแผลเป็น แต่ข่าวดีคือ หากเราวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยชะลอการลุกลามของโรคและลดผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้ค่ะ

หากคุณรู้สึกว่าตัวเองมีอาการคล้ายคลึงกับโรคนี้ อย่ารอช้าที่จะปรึกษาแพทย์ค่ะ เพราะการดูแลที่เหมาะสมตั้งแต่แรกเริ่ม จะช่วยให้รับมือกับโรคได้อย่างมั่นใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแน่นอนค่ะ

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ผมเสีย เกิดจากอะไร เจาะลึกสาเหตุและเคล็ดลับฟื้นฟูผมเสีย
Prima Tossaborvorn

ผมเสียเกิดจากอะไร เจาะลึกสาเหตุและเคล็ดลับฟื้นฟูผมเสีย

ผมเสีย หรือผมแห้งเสีย แม้ว่าจะเป็นปัญหาเล็กๆ แต่ก็มักจะส่งผลต่อความมั่นใจอยู่เสมอเลยล่ะค่ะ ยิ่งคนที่มีปัญหาผมเสียมากหรือมีปัญหาผมแห้งเสียอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งทำให้การจัดแต่งทรงเป็นเรื่องยากจนกลายเป็นคนที่มีข้อจำกัดของการเลือกทรงผมได้ วันนี้หมออยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับปัญหาผมเสีย และวิธีแก้ผมเสียที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองจากที่บ้านกันค่ะ

สิวที่หัว เกิดจากอะไร
Prima Tossaborvorn

สิวที่หัว เกิดจากอะไร สาเหตุ วิธีป้องกัน และการรักษาให้ได้ผล

สิวที่หัว อาจฟังดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ถ้าใครเคยเจอก็คงอดหงุดหงิดไม่ได้ใช่ไหมล่ะคะ เพราะทั้งคัน ทั้งเจ็บ และทำให้ไม่สบายตัวได้ไม่น้อยเลย ซึ่งสาเหตุของสิวบนหนังศีรษะไม่ได้เกิดจากความสกปรกอย่างเดียวแบบที่หลายๆ คนเข้าใจ แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น การอุดตันของรูขุมขน ฮอร์โมน หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม วันนี้หมอจะพามาเจาะลึกถึง สาเหตุ วิธีป้องกัน และการรักษาสิวที่หัว เพื่อช่วยให้คุณดูแลหนังศีรษะได้อย่างมั่นใจค่ะ

โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ
Prima Tossaborvorn

รู้จักกับ โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ (Discoid Lupus Erythematosus)

วันนี้หมออยากมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับ โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ (Discoid Lupus Erythematosus) ค่ะ โรคนี้เป็นหนึ่งในกลุ่ม โรคลูปัส (Lupus) หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง ที่ส่งผลกระทบต่อผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณหนังศีรษะ ทำให้เกิด ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) และ ผมร่วงแบบมีแผลเป็น (Scarring alopecia) ที่อาจทำให้เส้นผมไม่สามารถงอกขึ้นใหม่ได้