สาวๆ ที่ชอบมัดผมเป็นประจำ เคยสังเกตไหมคะว่าไรผมเริ่มบางลง หรือบางครั้งรู้สึกเจ็บแปลบที่หนังศีรษะขณะปล่อยผมไหมคะ หากเคยมีอาการเหล่านี้ อาจเป็นไปได้ว่ากำลังเผชิญกับภาวะ ผมร่วงจากการดึงรั้ง (Traction Alopecia) ซึ่งเกิดจากการมัดผมหรือทำผมทรงที่ต้องใช้แรงดึงรั้งเป็นเวลานาน ส่งผลให้รากผมอ่อนแอและหลุดร่วงในที่สุดค่ะ
บทความนี้จะพาไปรู้จักกับภาวะ Traction Alopecia อย่างละเอียด ตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน ไปจนถึงแนวทางการรักษา เพื่อให้คุณสามารถดูแลเส้นผมได้อย่างถูกต้องและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผมร่วงที่รุนแรงขึ้นในอนาคตนะคะ
ผมร่วงจากการดึงรั้ง (Traction Alopecia) คืออะไร
หลายคนอาจไม่ทันสังเกตว่า พฤติกรรมการมัดผมแน่นๆ เป็นประจำสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพเส้นผมได้ในระยะยาว ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า Traction Alopecia หรือ ผมร่วงจากการดึงรั้ง
Traction Alopecia คือภาวะผมร่วงที่เกิดจากการดึงรั้งเส้นผมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น การมัดผมแน่น ถักเปีย หรือใช้เครื่องมือทำผมที่ดึงรั้งมากเกินไป ส่งผลให้รูขุมขนอ่อนแอ หนังศีรษะเกิดการอักเสบได้ค่ะ
ทำไมถึงเป็น “ภัยเงียบ”
เพราะอาการของผมร่วงจากการดึงรั้งเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้หลายคนไม่ทันสังเกตว่าผมกำลังบางลง และมักมองข้ามปัญหานี้ไป จนกว่าผมจะร่วงไปมากแล้วค่ะ โดยมีสัญญาณเตือนที่มักถูกมองข้าม เช่น
- หนังศีรษะแดง หรือรู้สึกเจ็บเมื่อมัดผมแน่นค่ะ
- เส้นผมเริ่มบางลงทีละน้อย โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากและขมับ
- หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องปกติของการเปลี่ยนแปลงของเส้นผม แต่จริงๆ แล้วอาจเป็นภาวะที่ต้องรีบแก้ไขค่ะ
ความแตกต่างจากผมร่วงทั่วไป
ผมร่วงจากการดึงรั้ง (Traction Alopecia) แตกต่างจากผมร่วงประเภทอื่น เช่น
- ผมร่วงจากกรรมพันธุ์ มักเกิดขึ้นตามแนวไรผมหรือกระจายทั่วศีรษะโดยไม่มีสาเหตุจากพฤติกรรม
- ผมร่วงจากความเครียด มักเกิดจากภาวะฮอร์โมนหรือความกดดันทางจิตใจ ทำให้ผมร่วงเป็นกระจุก
- ผมร่วงจากสารเคมี เกิดจากการทำสี ดัด หรือใช้สารเคมีที่รุนแรงกับเส้นผม
อ่านบทความที่น่าสนใจ: ผมร่วง เกิดจากอะไร มารู้จักสาเหตุและวิธีแก้ปัญหา
สาเหตุของการมัดผมแน่นจนทำให้ผมร่วง
การมัดผมหรือทำผมทรงที่ใช้แรงดึงเป็นเวลานาน สามารถสร้างแรงกดทับและดึงรากผมให้อ่อนแอได้ ซึ่งส่งผลให้ผมร่วงในระยะยาว มาดูกันว่าสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงจากการดึงรั้งมีอะไรบ้างค่ะ
หลายคนอาจไม่ทราบว่าพฤติกรรมการทำผมในชีวิตประจำวันสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพเส้นผมได้ การมัดผมแน่นหรือใช้เครื่องมือทำผมที่ดึงรั้งมากเกินไป อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผมร่วงจากการดึงรั้งได้ มาดูกันว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันส่งผลต่อเส้นผมของเราอย่างไรค่ะ
- มัดผมแน่นเกินไป เช่น หางม้าสูง (Ponytail) มวยผมแน่น (Bun)
- ทรงผมที่ต้องใช้การดึงรั้ง เช่น ถักเปีย (Braids), เดรดล็อค (Dreadlocks), ต่อผม (Hair Extensions) ค่ะ
- การใช้เครื่องมือทำผมที่ทำร้ายผม เช่น ยางรัดผมที่แน่นเกินไป กิ๊บติดผม โรลม้วนผม เครื่องหนีบผมค่ะ
สัญญาณเตือน อาการผมร่วงจากการดึงรั้ง
ผมร่วงจากการดึงรั้งอาจเริ่มต้นแบบเงียบๆ โดยที่เราไม่ทันสังเกต จนกระทั่งเส้นผมบางลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นการรู้จักอาการของภาวะนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้สามารถป้องกันและแก้ไขได้ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามไปมากกว่านี้ค่ะ มาลองเช็กกันว่าคุณมีสัญญาณเหล่านี้หรือไม่
อาการเริ่มแรก
อาการผมร่วงจากการดึงรั้งอาจเริ่มต้นแบบไม่ชัดเจน หลายคนอาจแค่สังเกตเห็นผมบางลงเล็กน้อย แต่นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนอาการเริ่มแรกที่ควรใส่ใจ
- ไรผมบริเวณหน้าผากและขมับบางลง
- หนังศีรษะรู้สึกเจ็บหรือแสบ
- ผมร่วงมากขึ้นเมื่อสระผมหรือหวีผม
อาการรุนแรงขึ้น
หากปล่อยให้ปัญหาผมร่วงจากการดึงรั้งดำเนินไปโดยไม่แก้ไข อาการอาจรุนแรงขึ้นจนสังเกตได้ชัดเจน นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนอาการรุนแรงที่ควรใส่ใจ
- ผมร่วงเป็นหย่อมๆ บริเวณไรผมและขมับ
- รูขุมขนบริเวณที่ผมร่วงดูเรียบ ไม่มีผมงอกใหม่
- หนังศีรษะบริเวณที่ผมร่วงมีรอยแดงหรืออักเสบ
หากเริ่มมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้รีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการมัดผมและดูแลหนังศีรษะให้ถูกวิธีนะคะ เพราะหากปล่อยไว้นานเกินไป อาจทำให้ผมร่วงถาวรได้ค่ะ
ใครที่เสี่ยง ผมร่วงจากการดึงรั้ง
หากเป็นคนที่มัดผมแน่นเป็นประจำ อาจถึงเวลาที่ต้องสำรวจตัวเองว่าคุณกำลังเสี่ยงต่อภาวะผมร่วงจากการดึงรั้งหรือไม่ ลองมาตอบคำถามเหล่านี้กันค่ะ
- มัดผมทุกวันหรือไม่
- มัดผมแน่นจนรู้สึกตึงหนังศีรษะหรือไม่
- ชอบทำทรงผมที่ต้องใช้การดึงรั้ง เช่น มวยผมแน่นๆ ถักเปีย หรือต่อผม หรือไม่
- สังเกตเห็นว่าไรผมบริเวณหน้าผากและขมับบางลงหรือไม่
- เคยรู้สึกเจ็บหรือแสบหนังศีรษะบริเวณที่มัดผมหรือไม่
ถ้าตอบ “ใช่” มากกว่า 2 ข้อ แสดงว่าคุณอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะผมร่วงจากการดึงรั้ง ควรเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลเส้นผมให้เหมาะสม
ถ้าคุณตอบ “ใช่” เกือบทุกข้อ ควรให้ความสำคัญกับการป้องกันและหาวิธีดูแลหนังศีรษะอย่างจริงจัง หากมีอาการรุนแรง ควรพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำค่ะ
การรู้เท่าทันอาการและความเสี่ยงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ดูแลเส้นผมของตัวเองได้ดีขึ้นนะคะ
วิธีป้องกันและดูแล ผมร่วงจากการดึงรั้ง ด้วยตัวเอง
หากคุณพบว่ามีอาการของผมร่วงจากการดึงรั้ง ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะยังสามารถป้องกันและแก้ไขได้ มาดูแนวทางที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองกันค่ะ
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการมัดผม
หากคุณมัดผมเป็นประจำ อาจถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อยเพื่อลดความเสี่ยงของผมร่วงจากการดึงรั้งค่ะ
- มัดผมให้ หลวมขึ้น ไม่แน่นจนเกินไปค่ะ
- เปลี่ยนทรงผมบ่อยๆ ไม่ควรมัดผมทรงเดิมทุกวันค่ะ
- ปล่อยผมบ้าง ให้หนังศีรษะได้พักค่ะ
- เลือก ยางรัดผมที่อ่อนโยน เช่น ยางรัดผมผ้า หรือแบบเกลียวค่ะ
ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ
การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันปัญหาผมร่วงจากการดึงรั้งค่ะ มาดูวิธีที่ช่วยให้เส้นผมแข็งแรงและสุขภาพดีขึ้นกันค่ะ
- บำรุงหนังศีรษะ ด้วยเซรั่มหรือทรีทเมนต์บำรุงรากผมค่ะ
- สระผมอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการสระผมด้วยน้ำร้อนจัดค่ะ
- นวดหนังศีรษะ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตค่ะ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ไบโอติน สังกะสี ธาตุเหล็กค่ะ
การเลือกทรงผมที่ไม่ทำร้ายผม
เลือกทรงผมที่ช่วยลดแรงดึงรั้งหนังศีรษะเพื่อป้องกันปัญหาผมร่วงค่ะ
- ผมปล่อย ทรงผมที่ดีที่สุดสำหรับหนังศีรษะ เพราะช่วยลดแรงดึงรั้งโดยตรงค่ะ
- เปียหลวมๆ หากต้องการถักเปีย ควรถักให้หลวมๆ ไม่แน่นจนเกินไปค่ะ
- มวยผมหลวมๆ หากต้องการทำมวยผม ควรทำมวยผมหลวมๆ และต่ำค่ะ
- หางม้าต่ำ ช่วยลดแรงดึงที่หนังศีรษะได้มากกว่าหางม้าสูงค่ะ
- การใช้ที่คาดผมหรือกิ๊บ ใช้เพื่อเก็บผมให้เรียบร้อยแทนการมัดแน่นๆ ค่ะ
Traction Alopecia เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
หากคุณเริ่มสังเกตว่าผมร่วงมากผิดปกติ หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าควรพบแพทย์ค่ะ ลองเช็กสัญญาณเตือนเหล่านี้ดูนะคะ
- ผมร่วงเป็นหย่อมชัดเจนและขยายวงกว้าง หากเส้นผมบางลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะบริเวณไรผมและขมับ
- หนังศีรษะอักเสบ บวม หรือมีหนอง อาการอักเสบรุนแรงอาจทำให้รูขุมขนถูกทำลายถาวร
- อาการผมร่วงไม่ดีขึ้น แม้จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลตัวเองแล้ว แต่ยังมีผมร่วงอย่างต่อเนื่อง
แพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ด้านเส้นผมจะทำการตรวจหนังศีรษะและซักประวัติพฤติกรรมการดูแลผมของคุณ อาจมีการใช้กล้องขยายเพื่อตรวจสอบรูขุมขน หรือในบางกรณีอาจต้องทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจชิ้นเนื้อหนังศีรษะค่ะ จากนั้นจะหาแนวทางการรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล เช่น
- แพทย์อาจแนะนำยาปลูกผมหรือยากระตุ้นการงอกของเส้นผม เช่น Minoxidil เพื่อช่วยให้เส้นผมกลับมาแข็งแรงขึ้นค่ะ
- ใช้เลเซอร์เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและการเจริญเติบโตของเส้นผม
- หากรูขุมขนถูกทำลายถาวรแล้ว การปลูกผมอาจเป็นทางเลือกที่ช่วยฟื้นฟูเส้นผมได้
อ่านบทความที่น่าสนใจ: Minoxidil 5% ยาปลูกผมยอดฮิต แก้ปัญหาผมร่วงได้จริงหรือ
หากกังวลเกี่ยวกับภาวะผมร่วงจากการดึงรั้ง สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำและแนวทางการรักษาเฉพาะทางได้ที่ hairsmithclinic
สรุป
การป้องกัน ผมร่วงจากการดึงรั้ง เป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น มัดผมให้หลวมขึ้น ลดการใช้ทรงผมที่ดึงรั้งเส้นผม และบำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง จะช่วยลดความเสี่ยงของปัญหานี้ได้หากสังเกตว่าผมร่วงมากผิดปกติ อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ ปัญหานี้สามารถจัดการและป้องกันได้ หากใส่ใจดูแลเส้นผมอย่างถูกต้องค่ะ
อ้างอิงข้อมูลจาก:
https://dermnetnz.org/topics/traction-alopecia
https://www.aad.org/public/diseases/hair-loss/causes/hairstyles