สำหรับผู้ชายที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วงผมบาง หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่า ฮอร์โมน DHT นั้น เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิด ผมร่วง ผมบางในผู้ชาย แต่รู้กันมั้ยคะว่าฮอร์โมน DHT นั้นจริงๆ แล้วมันคืออะไร มีหน้าที่อย่างไรในร่างกายของเรา แล้วทำไมฮอร์โมน DHT ถึงทำให้ผมร่วงผมบางขึ้นได้ วันนี้คุณหมอมีคำตอบมาฝากทุกคน พร้อมทั้งวิธีลดปริมาณฮอร์โมน DHT ที่จะช่วยทำให้เส้นผมของเราปลอดภัยจากภาวะผมร่วงผมบางได้อย่างตรงจุดค่ะ
ฮอร์โมน DHT คืออะไร
ฮอร์โมน DHT หรือ ดีไฮโดรเทสโทสเทอโรน (Dihydrotestosterone) เป็นฮอร์โมนเพศชายที่สำคัญตัวหนึ่ง เกิดจากการที่ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ในร่างกาย ทำปฏิกิริยากับเอนไซม์ 5-alpha reductase (5-AR) ให้เปลี่ยนเป็นฮอร์โมน DHT ซึ่งฮอร์โมนนี้มีส่วนช่วยในการพัฒนาลักษณะทางเพศของผู้ชาย อาทิ ขนตามร่างกาย การเจริญขององคชาติและถุงอัณฑะ เป็นต้น
หน้าที่ของ DHT
แม้จะเป็นฮอร์โมนเพศเหมือนกัน แต่ฮอร์โมน DHT นั้นจะเน้นไปที่เรื่องของเส้นผมและขนตามส่วนต่างๆ ในร่างกายมากกว่า อย่างที่เห็นได้ชัดๆ ก็คือการที่ DHT ทำให้เกิดผมร่วงผมบาง แต่ก็ยังมีหน้าที่สร้างขนทั่วร่างกายของเราด้วย เช่น ขนบนใบหน้า ขนในที่ลับ เป็นต้น นอกจากเรื่องของผมและขนแล้ว DHT ก็ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีก กล่าวคือมีส่วนช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ รวมถึงมีการทำให้สรีระมีการแสดงออกถึงลักษณะทางเพศอย่างเหมาะสม ทั้งยังมีผลต่อการสะสมไขมันในร่างกาย และช่วยในเรื่องของการเสริมสร้างกล้ามเนื้ออีกด้วย
ฮอร์โมน DHT ทำให้ผมร่วงผมบางได้อย่างไร
ปัญหาผมร่วงในผู้ชายที่พบเจอส่วนใหญ่ล้วนเกิดขึ้นมาจากฮอร์โมน DHT ตัวนี้ ถ้าเรามีกรรมพันธุ์ศีรษะล้านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฮอร์โมน DHT ก็จะทำหน้าที่เข้าไปเป็นปัจจัยทำให้ภาวะผมร่วงผมบางเกิดชัดขึ้น ซึ่งหลักการที่ทำให้เกิดผมบางนั้น เกิดขึ้นจากการที่ DHT เข้าไปออกฤทธิ์ต่อตัวรับแอนโดรเจน (Androgen receptor) ที่อยู่ตรงบริเวณรากผม ทำให้วงจรชีวิตของเส้นผมเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เส้นผมจะมีระยะเจริญเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2-6 ปี ก่อนจะเข้าสู่ระยะพักเป็นเวลา 1-4 เดือน แต่เมื่อได้รับอิทธิพลของ DHT ก็จะทำให้เส้นผมมีระยะเจริญเติบโตที่สั้นลง มีระยะพักที่นานขึ้นและนานขึ้นแบบนี้ต่อไป จนทำให้รากผมสร้างเส้นผมได้สั้นลง เส้นเล็กลงเรื่อยๆ จนเมื่อรากผมไม่สามารถสร้างเส้นผมใหม่ได้อีกต่อไป รากผมก็จะฝ่อตัวลงในที่สุด จนกลายเป็นสาเหตุของปัญหาศีรษะล้านนั่นเองค่ะ
วิธีลดปริมาณฮอร์โมน DHT
แน่นอนว่าการที่เรามีฮอร์โมน DHT มากเกินไป จะส่งผลให้เราต้องพบเจอกับภาวะผมร่วงผมบางได้ง่ายขึ้น ซึ่งหลายครั้งก็ทำให้ผู้ที่มีปัญหานี้ต้องสูญเสียความมั่นใจในตัวเองได้ จึงต้องมีการรักษาผมร่วงผมบางที่ว่านี้ ก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นปัญหาหัวล้าน ด้วยการลดปริมาณหรือปกป้องเส้นผมจากฮอร์โมน DHT โดยสามารถทำได้ดังนี้
การปรับพฤติกรรม
พฤติกรรมบางอย่างสามารถเสริมความรุนแรงของ DHT ทำให้เกิดผมร่วงผมบางมากขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ การใช้ความร้อนและสารเคมีกับเส้นผม ฯลฯ เราจึงควรปรับลดพฤติกรรมที่ไม่ดีเหล่านั้นออกไป แล้วเพิ่มพฤติกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์กับร่างกายและเส้นผม เช่น การออกกำลังกาย ลดการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่การลดความเครียด เป็นต้น
การกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม
สารอาหารจำพวกสังกะสี (Zinc) สามารถช่วยลดการเกิดฮอร์โมน DHT ได้ด้วยการเข้าไปขัดขวางไม่ให้เกิดการเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนไปเป็น DHT ในขณะเดียวกันไบโอติน (Biotin) ก็ยังช่วยทำให้เส้นผมและรากผมแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งความแข็งแรงของเส้นผมนี้เอง จะเป็นประโยชน์ในการต่อสู้กับผลกระทบของฮอร์โมน DHT ได้เป็นอย่างดี
การรักษาด้วยยา
ยารักษาอาการผมร่วงผมบางที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีในทางการแพทย์นั้น นิยมใช้เป็นหลักอยู่ 2 ชนิด ได้แก่
- ยาฟีนาสเทอไรด์ (FINASTERIDE)
เดิมทีเป็นยารักษาโรคต่อมลูกหมากโต แต่มีผลที่ช่วยลดอัตราการเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนไปเป็นฮอร์โมน DHT ได้ ซึ่งเมื่อปริมาณ DHT ลดลง ก็จะทำให้ผมร่วงน้อยลง เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้นซึ่งจะทำให้ผมหนาขึ้นนั่นเอง
- ไมน็อกซิดิล (MINOXIDIL)
ยารักษาโรคความดันโลหิต ช่วยในเรื่องของการขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดพาสารอาหารไปเลี้ยงเส้นผมได้ดีขึ้น จึงช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม ลดการหลุดร่วง และทำให้เส้นผมมีอายุขัยที่ยาวนานขึ้น โดยในส่วนของไมน็อกซิดิ มีให้เลือกใช้ได้ทั้งแบบกินและแบบทา
จะเป็นอย่างไรหากมีฮอร์โมน DHT น้อยเกินไป
ถ้าพูดถึงเรื่องผมร่วงผมบาง สิ่งที่เรามักกล่าวถึงก็คือ การที่ร่างกายตอบสนองต่อ DHT ที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วงผมบางได้มากกว่าปกติ การที่ร่างกายผลิตฮอร์โมน DHT น้อยจนเกินไปก็สร้างปัญหาต่อร่างกายของเราได้มากเช่นกัน ซึ่งผลกระทบจากการมีฮอร์โมน DHT น้อยเกินไป มีดังนี้
- อวัยวะเพศ ต่อมลูกหมาก อัณฑะ พัฒนาได้ช้าหรือเจริญได้ไม่สมบูรณ์
- เกิดการเปลี่ยนแปลงการกระจายไขมันในร่างกาย ทำให้เกิดภาวะต่าง ๆ เช่น ภาวะเต้านมโตในผู้ชาย (Gynecomastia)
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากบางประเภท
ฮอร์โมน DHT มีในผู้หญิงหรือไม่
ถึงฮอร์โมน DHT จะขึ้นชื่อว่าเป็นฮอร์โมนเพศชาย แต่ก็มีอยู่ในเพศหญิงด้วย เพียงแต่จะมีอยู่ในปริมาณที่น้อยกว่า เพราะผู้หญิงมีฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนที่สามารถแปลงสภาพไปเป็นฮอร์โมน DHT ได้น้อยกว่านั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้น ในร่างกายของผู้หญิงยังมีเอนไซม์สำคัญที่ชื่อว่าไซโตโครมพี 450 (Cytochrome P450) ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนไปเป็นฮอร์โมนเพศหญิงอย่างเอสตราดิออล (Estrodiole) ซึ่งจะคอยช่วยต้านการทำงานของ DHT ประกอบกับที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในปริมาณมาก คอยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเส้นผม ทำให้ในกรณีของผู้หญิงนั้น จึงไม่ค่อยมีปัญหาผมร่วงผมบางเพราะ DHT มากเท่าผู้ชายค่ะ
สรุป
ฮอร์โมน DHT เป็นฮอร์โมนเพศตัวหลัก ที่ทำให้เกิดผมร่วงผมบางในเพศชาย ซึ่งเกิดจากการที่ฮอร์โมน DHT ไปจับเข้ากับตัวรับแอนโดรเจนที่บริเวณรากผม ทำให้ระยะการเจริญเติบโตของเส้นผมสั้นลงและระยะพักตัวนานขึ้น ส่งผลให้เส้นผมบางลงเรื่อยๆ และรากผมก็จะฝ่อหายไป ซึ่งวิธีป้องกันและลดฮอร์โมน DHT สามารถทำได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม และการรักษาด้วยยา ทั้งนี้ก่อนที่ปัญหาผมร่วงผมบางจะบานปลายจนเกิดเป็นปัญหาศีรษะล้าน ทางที่ดีคุณผู้อ่านควรที่จะรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องแลเสียตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ