fbpx

ความเข้าใจผิดระหว่างวิธีปลูกผม DHI กับ FUE

/
/
ความเข้าใจผิดระหว่างวิธีปลูกผม DHI กับ FUE
ปลูกผม DHI

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หมอได้ยินคำถามจากคนไข้ต่างชาติว่าวิธีปลูกผม DHI ดีกว่า วิธีปลูกผม FUE ยังไง คำถามนี้แอบทำให้หมอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากด้วยกลยุทธ์โฆษณาในปัจจุบัน บ่อยครั้งมันทำให้คนไข้เริ่มเข้าใจผิด หมออยากเขียนอธิบายเกี่ยวกับวิธี ปลูกผม DHI กับ FUE ดังนี้ค่ะ

นิยามของเทคนิคปลูกผม เราจะหมายถึง “วิธีการเอาผมที่จะนำไปปลูกออกจากบริเวณด้านหลังศีรษะหรือที่เรียกว่า Donor Area ไม่ได้หมายถึงเครื่องมือที่ใช้ปลูกผม” ถ้ายึดตามสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (ISHRS) แล้วล่ะก็ ปลูกผมจะมีอยู่แค่ FUE และ FUT โดยสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีปลูกผมเพิ่มเติม

ปรึกษาคุณหมอ
dhi กับ fue 01

คำนี้ไม่ได้บัญญัติโดย ISHRS นะคะ คำว่า DHI ย่อมาจาก Direct Hair Implantation โดยเป็นการเจาะเอาผมออกทีละกอแบบ FUE ส่วนในขั้นตอนปลูกผม (Graft Placement) ก็จะใช้ Implanter Pen แทนการใช้ Forceps หรือคีมเล็กๆ ซึ่งเป็นเครื่องมือดั้งเดิมที่นิยมใช้ค่ะ

คำถามนี้ตลกดี เพราะจริงๆ แล้ว วิธีปลูกผม DHI ก็คือ FUE นั่นแหละ อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ อย่างที่หมออธิบายเบื้องต้นไปแล้วว่าหลักการเอาผมออกจาก Donor Site ของ DHI ก็คือเทคนิค FUE ดีๆ นี่เอง

ถ้าจะบอกว่า DHI ดีกว่าเพราะใช้ Implanter ก็ไม่ถูกต้องอีก เพราะทั้ง FUE และ FUT ก็ไม่ได้นิยามว่าต้องใช้ Forceps เท่านั้นซะหน่อย หมอก็ใช้ Implanter ทั้งกับ FUT, FUE นี่ถ้าหมอใช้ Implanter กับเทคนิค FUT แบบนี้ หมอต้องตั้งชื่อพิศดารออกมาไม่ให้ซ้ำกับ DHI ด้วยรึเปล่าคะ (ฮ่า)

ปลูกผม DHI 02
ปลูกผม DHI 03

DHI คือคำโฆษณาอย่างหนึ่งที่ใช้เรียกเทคนิค FUE แต่ใช้ Implanter ในขั้นตอนปลูกผม (Graft Placements) อย่าลืมว่า FUE ย่อมาจาก Follicular Unit Excision (นิยามล่าสุดของ ISHRS) ซึ่งอธิบายถึงวิธีการเจาะเอาผมออกจากด้านหลังศีรษะ FUE ไม่ได้นิยามว่าห้ามใช้ Implanter

ถ้าเจอใครที่บอกว่า FUE ต้องเจาะรู (Pre-made Incision) ก่อนแล้วต้องใช้ Forceps ปลูกผมเท่านั้น ให้สงสัยไว้ก่อนว่า “เค้าไม่ได้ศึกษาด้านนี้มาจริงๆ หรือเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริง” ค่ะ

ปลูกผมที่ Hairsmith Clinic ใช้ Implanter pen

เราเป็นคลินิกแรกๆ ในไทยที่ประกาศใช้ Implanter อย่าง “เต็มรูปแบบ” ค่ะ ที่ไม่ได้เรียกว่า DHI เพราะเรายึดตามแนวทางของ ISHRS และ ABHRS เป็นมาตรฐาน อีกอย่างก็รู้อยู่เต็มอกว่ามันคือ FUE นี่แหละ เลยไม่อยากไปเรียก DHI ให้คนไข้สับสน

ปลูกผม DHI 04

ถ้าใครติดตามเราตั้งแต่แรก จะทราบอยู่แล้วว่าเราเดินตามแนวทางของ ISHRS อย่างเคร่งครัด และต่อต้านการให้ข้อมูลผิดๆ คนไข้ของเราจึงมั่นใจได้เลยว่าข้อมูลที่ได้รับจากเราเป็นข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักสากลค่ะ

ปลูกผม DHI คือวิธีปลูกผมเหมือนกับ FUE เป็นการย้ายรากผมออกมาจากบริเวณ Donor Area และใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายปากกา เรียกว่า Implanter pen ในการปลูกผมแทนการใช้คีม (Forceps) ซึ่งสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติเปิดกว้างในเรื่องของอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการปลูกผม และที่ Hairsmith Clinic ใช้ Implanter pen ในการปลูกผมให้สำหรับทุกเคสโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

หมอพรีมาเข้าร่วมประชุม Denver 2024
Prima Tossaborvorn

คุณหมอพรีมา ร่วมงานประชุมวิชาการปลูกผมระดับโลก จัดขึ้นที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา

คุณหมอพรีมา ทศบวร แพทย์ด้านศัลยกรรมปลูกผมประจำ Hairsmith Clinic ได้เข้าร่วมงานประชุมวิชาการปลูกผมประจำปี ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery – ISHRS) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา งานประชุมครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม 2567

อาการคันหัว สาเหตุ การดูแล และวิธีป้องกันอย่างได้ผล
Prima Tossaborvorn

อาการคันหัว สาเหตุ การดูแล และวิธีป้องกันอย่างได้ผล

อาการคันหัว ปัญหากวนใจที่เกิดขึ้นกับหลายคนแต่มักถูกละเลยเพราะมองว่า ไม่เป็นไรปัญหาเล็กน้อย ปล่อยไว้เดี๋ยวก็คงหาย แต่พอปล่อยให้หายเองกลับยิ่งรู้สึกคันหนักกว่าเดิม แถมความคันยังกระจายไปอีกหลายหย่อมบริเวณบนศีรษะ จนต้องเสียบุคลิกและค่ารักษากันไม่น้อยเลย เพื่อให้ทุกคนรู้ถึงต้นตอการคันหัว วันนี้หมอมีเรื่องราวดี ๆ ของสาเหตุอาการคันหัวและวิธีแก้คันหัว มาบอกกันค่ะ

10 โรคที่ทำให้ผมร่วง
Prima Tossaborvorn

10 โรคที่มีผลทำให้ผมร่วงได้เยอะที่สุด

เคยมีปัญหาผมร่วงกันหรือเปล่าคะ? แล้วรู้หรือไม่ว่าสาเหตุผมร่วงนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร? หลายครั้งที่คนไข้มาพบหมอด้วยปัญหาผมร่วง แต่ไม่รู้ว่าผมร่วงเพราะอะไร เมื่อวินิจฉัยโดยละเอียดแล้ว ปัญหาผมร่วงที่เกิดขึ้นนั้น สาเหตุหลักมาจาก “โรคที่ทำให้ผมร่วง” นั่นเองค่ะ วันนี้หมอเลยอยากชวนทุกคนมารู้จักกับ 10 โรคที่ทำให้ผมร่วง เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกันค่ะ