ปลูกผม FUE กับ FUT
ช่วงหลังมานี้มีคนไข้หลายคนถามหมอเข้ามาว่าจะเลือกปลูกผมวิธีไหนดีกว่ากัน อันที่จริงแล้วไม่มีแบบไหนที่เรียกว่าดีที่สุด เพราะศัลยกรรมปลูกผมทั้งสองเทคนิคนั้นมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
วิธีปลูกผมแบบ FUE
เหมาะกับเคสที่ไม่ต้องใช้กอผมมาก เทคนิคนี้จะมีแผลเป็นที่เล็กกว่า 1 มม. กระจายบริเวณ Donor Area หากไม่ได้ตัดผมสั้นมากก็จะไม่เห็นรอยแผลเป็น ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบันเพราะแผลด้านหลังหายเร็วกว่าและแทบไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น แต่ข้อเสียก็คือถ้านำกอผมออกมามากเกินไป ก็จะสูญเสียความหนาแน่นของผมบริเวณ Donor Area ได้
วิธีปลูกผมแบบ FUE
ปลูกผม FUE กับ FUT
เหมาะสำหรับเคสที่ต้องใช้กอผม (graft) มากๆ และมีแนวโน้มที่จะต้องปลูกผมหลายรอบ โดยไม่สูญเสียความหนาแน่นของผมจาก Donor Area คุณภาพของกอผมจะดีกว่า ลดเวลาในขั้นตอน Donor Harvesting หรือการนำกอผมออกจากบริเวณท้ายทอย แต่ก็จะทิ้งแผลเป็นเส้นยาวประมาณ 10-20 ซม. เอาไว้ ถ้าตัดผมสั้นมากๆ ก็จะเห็นแผลเป็นได้ง่าย และต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์
ดังนั้นเราควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมปลูกผม ‘เท่านั้น‘ เป็นผู้ประเมินว่าวิธีไหนเหมาะกับคนไข้
ที่ต้องเน้นแบบนี้ก็เพราะว่าหากไม่ได้เชี่ยวชาญหรือเข้าใจปัจจัยต่างๆ อย่างถ่องแท้แล้ว เทคนิคที่ถูกเลือกใช้อาจไม่ใช่เทคนิคที่เหมาะสมที่สุด หากแต่เป็นเพียง “เทคนิคที่หมอถนัด” ค่ะ เพราะไม่ว่าจะปลูกผมด้วยวิธีไหนผลลัพธ์ที่ได้ควรจะออกมาดีเหมือนกัน
ที่ Hairsmith Clinic ไม่ว่าจะปลูกผมด้วยวิธีไหนเราก็ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Implanter pen ในการปักผมกลับเข้าไปหนังศีรษะกับทุกเคสโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแล้วค่ะ