ในปัจจุบันการปลูกผมถาวร เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่มีปัญหาศีรษะเถิก ศีรษะล้าน ซึ่งหลักการของการปลูกผมคือการย้ายรากผม จากบริเวณ Donor Area ไปปลูกในบริเวณที่มีปัญหา และมีคนไข้หลายท่านถามเข้ามาว่า ปลูกผมไร้แผลเป็น สามารถทำได้จริงหรือไม่ และต้องปลูกผมด้วยวิธีไหนจึงจะไม่มีรอยแผล เรามาหาคำตอบกันค่ะ
ปลูกผมมีกี่วิธี
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่าการปลูกผมจริงๆ แล้วมีเพียง 2 วิธี อ้างอิงตามนิยามของสมาคมปลูกผมนานาชาติ ISHRS
วิธีที่ 1 FUT (Follicular Unit Transplantation)
วิธีปลูกผมแบบ FUT นี้เป็นเทคนิคปลูกผมในยุคแรก โดยเทคนิคปลูกผมนี้จะเป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก แพทย์จะผ่าเอาหนังศีรษะออกมาเป็นเส้นยาวทั้งชิ้นด้านหลังศีรษะ จากนั้นจะเย็บแผลประกบกัน แล้วจึงนำผมที่ได้มาแบ่งเป็นกราฟท์หรือกอผมใต้กล้องจุลทรรศน์ ส่วนกอผมที่ได้มาก็จะถูกนำไปปลูกบริเวณที่ต้องการค่ะ ซึ่งเทคนิค FUT นี้ต้องใช้เวลากว่า 1-2 สัปดาห์เพื่อให้แผลผ่าตัดด้านหลังปิดสนิทและหายดี โดยเมื่อครบ 7 วัน คนไข้ต้องไปทำการตัดไหมที่ด้านหลังค่ะ เมื่อแผลหายดีแล้วด้านหลังศีรษะของคนไข้จะมีรอยแผลเป็นเส้นยาวประมาณ 20-30 ซม. ดังนั้นคนไข้ควรไว้ผมยาวเพื่อปกปิดร้อยแผลเป็นค่ะ
วิธีที่ 2 FUE (Follicular Unit Excision)
วิธีปลูกผมแบบ FUE เป็นเทคนิคที่ใหม่กว่า โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือที่เหมือนหลอดขนาดเล็กวางคร่อมกอผม และทำการเจาะกอผมออกมาทีละกอจากบริเวณด้านหลังศีรษะค่ะ กอผมที่เจาะออกมาจะถูกคัดแยกและจัดกลุ่มให้เหมาะสมเพื่อนำไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งเทคนิคแบบ FUE จะได้รับความนิยมมากกว่า FUT เพราะเจ็บน้อยกว่า และแผลด้านหลังหายเร็วกว่าแบบ FUT
ปลูกผมไร้แผลเป็น มีจริงมั้ย?
คำตอบคือ ไม่จริงค่ะ หลายคนเข้าใจว่าการปลูกผมแบบ FUE (Follicular Unit Excision) เป็นการ ปลูกผมไร้แผลเป็น จริงๆ แล้วไม่ว่าจะแบบ FUT หรือ FUE ก็มีแผลเป็นทั้งนั้น เพียงแต่ FUE จะมีแผลเป็นขนาดเล็กมากๆ กระจายตามบริเวณที่เรานำผมมาปลูก (Donor Area) อย่างเส้นผ่าศูนย์กลางแผลเป็นของคลินิกเราจะเล็กกว่า 1 มม. ดังนั้นถ้าคนไข้ไว้ผมยาวกว่า 3 มม. ขึ้นไปก็มองไม่เห็นแล้ว แต่ถ้าไว้ผมสั้นมากชนิดเอามีดโกนหนังศีรษะให้สั้นเตียนกว่านั้น ก็มีโอกาสที่จะมองเห็นแผลเป็น
อย่างไรก็ดี ในคนไข้ชาวยุโรปหรือ Caucasian นั้นจะมีผิวขาว แผลเป็นก็มองยากขึ้นไปอีก ผิดกับคนเอเชีย หรือคนผิวคล้ำที่อาจจะมองเห็นแผลเป็นง่ายกว่า เนื่องจากแผลเป็นนั้นเป็นจุดสีขาวนั่นเอง
ขนาดของแผลเป็นจะขึ้นอยู่กับขนาดหัวเจาะ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ายิ่งหัวเจาะเล็กก็ยิ่งดีนะคะ เพราะถ้าเล็กเกินไป ก็อาจจะทำให้รากผมเสียหายได้ ไอเดียของการเลือกใช้หัวเจาะให้เหมาะสมนั้นคือการเลือกขนาดให้พอดีกับขนาดของรากผมต่างหาก
ดังนั้นการจะบอกว่าเทคนิคแบบ FUE คือการปลูกผมแบบไร้แผลเป็นนั้นถือว่าเป็นโฆษณาที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง โดยจรรยาบรรณแพทย์ระดับสากลอย่างของ ABHRS หรือ ISHRS เค้าก็รณรงค์ไม่ให้โฆษณาว่าเป็นศัลยกรรมไร้แผลเป็น (Scarless Surgery) เพราะเข้าข่ายทำให้คนไข้เข้าใจผิดได้
เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดของคนไข้เอง พยายามเลือกสถานบริการปลูกผมาที่ให้ข้อมูลถูกต้องและครบถ้วนที่สุดตั้งแต่แรกนะคะ เพราะถ้าแค่ข้อมูลเบื้องต้นยังหลอกกันได้ เรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ก็คงคาดหวังความจริงใจยากค่ะ
สรุป ปลูกผมไร้แผลเป็น
ไม่ว่าจะแบบ FUT หรือ FUE ก็มีแผลเป็นทั้งนั้น เพียงแต่ FUE จะมีแผลเป็นขนาดเล็กมากๆ กระจายตามบริเวณที่เรานำผมมาปลูก (Donor Area) อย่างเส้นผ่าศูนย์กลางแผลเป็นของคลินิกเราจะเล็กกว่า 1 มม. ดังนั้นหากคนไข้ไว้ผมยาวกว่า 3 มม. ขึ้นไปก็มองไม่เห็นแผลเป็น แต่ถ้าไว้ผมสั้นมากชนิดเอามีดโกนหนังศีรษะให้สั้นเตียนกว่านั้น ก็มีโอกาสที่จะมองเห็นแผลเป็นจุดเล็กๆ