fbpx

ปลูกผมแบบ FUE กับ NON-SHAVEN FUE ต่างกันอย่างไร

/
/
ปลูกผมแบบ FUE กับ NON-SHAVEN FUE ต่างกันอย่างไร
ปลูกผมแบบ NON-SHAVEN FUE กับ FUE ต่างกันอย่างไร_1

หนึ่งในขั้นตอนของการปลูกผม ที่คนไข้จำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะผู้หญิงคงจะต้องน้ำตาเล็ดกันเป็นแถว นั่นก็คือการโกนผมในบริเวณ Donor area เพื่อให้การเจาะเก็บกราฟท์ผมทำได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น แต่ทราบกันมั้ยคะว่าการปลูกผมนั้นมีแบบที่เราไม่จำเป็นต้องโกนผมด้วย นั่นก็คือเทคนิค ปลูกผม Non-shaven FUE กับ FUE มีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้หมอจะมาแชร์ให้ฟังเองค่ะ

การปลูกผมแบบ FUE ย่อมาจาก Follicular Unit Excision เป็นวิธีที่แพทย์จะทำการเจาะเก็บกราฟท์ผมที่บริเวณ Donor area โดยจะใช้หัวเจาะที่มีลักษณะคล้ายหลอดขนาดเล็ก เมื่อได้กราฟท์ผมตามจำนวนที่ต้องใช้แล้ว กราฟท์ผมที่ได้ก็จะถูกนำไปผ่านการคัดแยกเพื่อให้ได้รากผมที่แข็งแรงเหมาะแก่การนำไปปลูกมากที่สุด ก่อนจะนำไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งการปลูกผมด้วยวิธีนี้ จะทำให้รอยแผลเป็นที่เกิดนั้นมีขนาดเล็กกว่า 1 มิลลิเมตร เจ็บน้อย และแทบไม่ต้องใช้เวลาพักพื้นเลยล่ะค่ะ

ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การปลูกผม FUE

ปลูกผมแบบ NON-SHAVEN FUE กับ FUE ต่างกันอย่างไร

เทคนิคการปลูกผม Non-shaven FUE มีขั้นตอนและกระบวนการในการปลูกผมเหมือนกันกับการปลูกผมแบบ FUE ทุกประการ แต่จะแตกต่างกันตรงที่ ในขั้นตอนของการเจาะเก็บกราฟท์ผมนั้น ทางแพทย์จะไม่มีการโกนผม ตัดผมของคนไข้ใดๆ ทั้งสิ้น คือแพทย์จะเจาะเอาเส้นผมออกมาทั้งเส้น ก่อนจะนำไปผ่านกระบวนการ การคัดแยกรากผมที่มีคุณภาพที่ดีเพียงพอเพื่อนำไปปลูกต่อไป ส่วนในขั้นตอนการปลูกนั้น ก็จะเป็นแบบ FUE เป๊ะๆ เลยล่ะค่ะ ดังนั้นวิธีการปลูกผมแบบ Non-shaven FUE นี้ จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่ง กับคนไข้ที่ไม่อยากให้ใครเห็นรอยโกนผมด้านหลัง หรือคนที่ต้องทำงานแบบพบเจอผู้คนบ่อยๆ ค่ะ

ปลูกผมแบบ NON-SHAVEN FUE กับ FUE ต่างกันอย่างไร_3

ข้อดีของเทคนิค ปลูกผม NON-SHAVEN FUE

  1. ไม่ต้องโกนผมออก
  2. ไม่ต้องพักฟื้นหลังผ่าตัด
  3. ไม่เห็นรอยโกนผม
  4. ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติเพราะเห็นแนวผมชัดเจน

ข้อเสียของเทคนิค ปลูกผม NON-SHAVEN FUE

  1. เพราะแพทย์ยังคงต้องทำงานกับเส้นผมที่ยาว การเจาะเก็บกราฟท์ผมจึงใช้เวลามากกว่าแบบ FUE ปกติ
  2. ค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบธรรมดา

ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่าขั้นตอนการปลูกผมเหมือนกับการปลูกผมแบบ FUE แต่จะแตกต่างกันตรงที่การปลูกผม Non-shaven FUE จะไม่มีการโกนผมด้านหลังศีรษะ ทำให้ในขั้นตอนการเจาะรากผมแพทย์ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการเจาะรากผมให้กระจายอย่างสม่ำเสมอ ในข้อจำกัดที่ไม่มีการโกนผมให้เห็นพื้นที่เจาะทั้งหมด อีกทั้งต้องใช้เวลามากกว่าการปลูกผมแบบ FUE จึงทำให้มีราคาค่อนข้างสูงกว่าวิธีปลูกผมอื่นๆ

สำหรับราคาปลูกผมแบบไม่ต้องโกน Non-shaven FUE ที่ Hairsmith Clinic อยู่ที่กราฟท์ละ 140 บาท ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ให้กวนใจ ดูแลให้ครบทุกขั้นตอนไม่ว่าจะเป็น  

  • ฟรี ยาปลูกผม 12 เดือน
  • ฟรี PRP 1 ครั้ง มูลค่า 12,000 บาท
  • ฟรี ใช้หมวกเลเซอร์ปลูกผมพลังงานต่ำ LLLT ได้ไม่จำกัดตลอดปี
  • ฟรี ติดตามผลทุก 3 เดือน
  • ฟรี ใช้ Implanter pen ปลูกผมทุกเคส
ปลูกผมแบบ NONSHAVEN FUE กับ FUE ต่างกันอย่างไร_4

วิดีโอรีวิว ปลูกผม NON-SHAVEN FUE

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

รากผมอักเสบ
Prima Tossaborvorn

รากผมอักเสบ สัญญาณเตือนเรื่องปัญหาเส้นผมที่ไม่ควรมองข้าม

รากผมเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญต่อเส้นผมเป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นส่วนที่ไม่ได้ถูกให้ความสำคัญมากเท่ากับเส้นผม เนื่องจากตำแหน่งของรากผมนั้นอยู่ลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนังของศีรษะ เมื่อรากผมขาดการดูแลและบำรุงอย่างถูกวิธีอาจส่งผลให้เกิดปัญหาที่เรียกว่า รากผมอักเสบ เกิดขึ้นได้ ยิ่งปล่อยให้การอักเสบเกิดขึ้นนานยิ่งมีผลให้นำไปสู่ภาวะผมบางได้ ดังนั้นวันนี้หมอเลยอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับอาการรากผมอักเสบ วิธีรักษา และแนวทางการป้องกันรากผมอักเสบกันค่ะ

recert
Prima Tossaborvorn

1 ใน 6 แพทย์ไทย ที่สอบผ่านต่ออายุอเมริกันบอร์ดครบ 10 ปี 

Hairsmith Clinic ยินดีอย่างยิ่งที่จะแจ้งข่าวดีให้คนไข้ทุกท่านทราบว่า คุณหมอพรีมา ทศบวร แพทย์ด้านการปลูกผมของเรา ได้สอบผ่านการต่ออายุใบรับรองจาก American Board of Hair Restoration Surgery (ABHRS) ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงประสบการณ์ในการให้บริการที่มีมาตรฐานระดับสากลมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 ปีเต็ม

รากผม รากผมฝ่อ
Prima Tossaborvorn

รากผม รากผมฝ่อ คืออะไร ต้นเหตุของปัญหาผมบางที่หลายคนไม่รู้

รากผม (Hair root) เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเส้นผม เพราะเป็นส่วนต้นของเส้นผมที่อยู่ภายในรูขุมขนบนศีรษะ และคอยทำหน้าที่สร้างเส้นผมให้เกิดขึ้นบนศีรษะ แต่หลายคนมองว่ารากผมเป็นสิ่งที่อยู่ลงไปใต้ชั้นผิวหนังจนละเลยการให้ความสำคัญในการดูแลรักษา เพราะมองว่าเป็นจุดที่มองเห็นได้ยากกว่าเส้นผม ท้ายที่สุดเมื่อเกิดปัญหาผมขาด หลุดร่วงง่าย หรือมีภาวะผมบางเกิดขึ้น เมื่อได้รับการวินิจฉัยก็พบว่าต้นตอที่เกิดขึ้นมาจาก “รากผมไม่แข็งแรง”