สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลเรื่องการปลูกผมอยู่ หลายคนอาจเคยได้ยินข้อมูลผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง เกี่ยวกับการปลูกผมโดยหุ่นยนต์ปลูกผม การปลูกผมด้วยแขนกลอัจฉริยะที่มีความแม่นยำสูง หรือคำกล่าวอ้างอื่นๆ อีกมากมายที่เอามาใช้ในการโฆษณาเพื่อเรียกลูกค้า วันนี้เราจะมาเปิดเผยข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังของหุ่นยนต์ปลูกผมราคาแพงตัวดังของวงการ ว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการปลูกผมโดยแพทย์จริงหรือไม่
หุ่นยนต์ปลูกผมคืออะไร
หุ่นยนต์ปลูกผม หรือหลายๆ คน อาจจะเคยได้ยินกันในชื่อหุ่นยนต์ Artas จากประเทศอเมริกา เป็นนวัตกรรมที่ถูกพัฒนามาจากการปลูกผมแบบ FUE เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการปลูกผม และลดความเมื่อยล้าระหว่างผ่าตัดให้แก่ทีมแพทย์ โดยหุ่นยนต์ปลูกผม Artas สามารถทำหน้าที่เจาะเอารากผมออกมาจากบริเวณด้านหลัง (Donor area) รวมไปถึงการปลูกในบริเวณที่ต้องการได้ด้วยเช่นกันในหุ่น Artas รุ่นใหม่ๆ ซึ่งการทำงานของหุ่นยนต์ปลูกผม จะทำงานผ่านการป้อนข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญการใช้หุ่นยนต์ตัวนี้ เกี่ยวกับทิศทางเส้นผมที่จะเจาะ รวมไปถึงยังต้องใส่กราฟท์ผมที่ถูกคัดแล้วลงไปในเครื่องเพื่อปลูกด้วย ในส่วนของอัตราการรอดของเส้นผมที่ถูก Artas เจาะออกมาจะอยู่ที่ 80-90% และความสามารถในการปลูกผมจะอยู่ที่ 30 รากต่อตารางเซนติเมตร สนนราคาของหุ่นยนต์ปลูกผม Artas จะอยู่ที่ราวๆ 15 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันของแต่ละรุ่น
ข้อดี ข้อเสีย ของหุ่นยนต์ปลูกผม
ก่อนที่จะเก็บเอาเรื่องของหุ่นยนต์ไปเป็นหนึ่งในตัวเลือกการตัดสินใจปลูกผม เรามาลองดูถึงข้อดีและข้อเสียของเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้กันก่อน
ข้อดี
- หุ่นยนต์ปลูกผมสามารถเจาะเอากราฟท์ผมออกมาจาก Donor area และปลูกในบริเวณที่ต้องการได้ในเครื่องเดียว (หุ่นยนต์รุ่นใหม่ๆ)
- ไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์ หรือมีประสบการณ์ในการปลูกผมก็สามารถใช้หุ่นยนต์ปลูกผมได้
- หมดกังวลเรื่องความเหนื่อยล้าและสมาธิของทีมแพทย์ระหว่างการผ่าตัด
ข้อเสีย
- หุ่นยนต์ปลูกผมมีราคาสูง ทำให้ราคาค่าปลูกผมต่อกราฟท์สูงขึ้นไปอีก
- ในการใช้หุ่นยนต์ปลูกผม ผู้ใช้จำเป็นที่จะต้องฝึกฝนการใช้เครื่องมือให้ชำนาญเสียก่อน
- มีอัตราการเก็บรากผมเสียหายอยู่ที่ 1-2%
- สามารถปลูกผมได้ที่ความหนาแน่น 30 รากต่อตารางเซนติเมตรเท่านั้น แต่ความหนาแน่นในการปลูกผมให้สวยงามและดูเป็นธรรมชาติจริงๆ อาจจะต้องมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผมธรรมชาติของแต่ละบุคคล
- หุ่นยนต์ปลูกผมไม่สามารถเก็บรากผมได้ทั่วถึง และไม่สามารถเก็บรากผมในบริเวณส่วนอื่นของร่างกายได้ เช่น คอหรือด้านข้างศีรษะ
- หุ่นยนต์ปลูกผมมีความไวต่อการเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก หากมีการขยับตัวเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการเจาะรากผมได้
หุ่นยนต์ปลูกผม ดีกว่าปลูกผมโดยแพทย์จริงหรือไม่
เรียกว่าหุ่นยนต์ปลูกผมเป็นเครื่องมือที่เหมาะกับการใช้งานเพื่อลดค่าจ้างแรงงานในต่างประเทศมากกว่า เพราะว่าในต่างประเทศบางแห่งการจ้างแพทย์ชำนาญการที่มีทักษะพิเศษในการเจาะกราฟท์ผมจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากๆ แม้ว่าหากเทียบกันแล้วแพทย์ผู้ชำนาญการจะสามารถเจาะรากผมได้เร็วกว่าหุ่นยนต์มากก็ตาม
หากเทียบกับการเจาะรากผมโดยแพทย์ที่ Hairsmith Clinic อยู่ที่ประมาณ 1% ถือว่ามีความแตกต่างกันอยู่บ้าง เนื่องด้วยการปลูกผม เป็นการเจาะย้ายเอารากผมจากด้านหลังมาไว้ในส่วนที่ต้องการ ทรัพยากรเส้นผมจึงสำคัญและคงเป็นเรื่องน่าเสียดาย หากต้องเสียรากผมไปเฉยๆ เพราะผมที่เจาะออกมาจะไม่สามารถงอกกลับขึ้นมาได้อีกแล้วนั่นเอง เรื่องต่อมาคือ ถึงแม้ว่าหุ่นยนต์ปลูกผมจะสามารถปลูกผมได้ แต่ในเรื่องของการกำหนดแนวผมที่เป็นธรรมชาติอันถือเป็นเอกลักษณ์ของแพทย์แต่ละคน หุ่นยนต์ที่ว่าล้ำหน้าที่สุดก็ยังคงไม่สามารถทำในส่วนนี้ได้ จึงทำให้สรุปได้ว่า การปลูกผมโดยหุ่นยนต์ปลูกผมนั้น เป็นเพียงการทุ่นแรงของแพทย์และทีมงานที่ยังไม่มีความชำนาญมากเพียงเท่านั้น
สรุป
หุ่นยนต์ปลูกผม หรือ Artas เป็นหุ่นยนต์ปลูกผมจากประเทศอเมริกา ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE เพื่อช่วยทุ่นแรงและลดความเมื่อยล้าของทีมแพทย์ในการเจาะรากผมและปลูกผม ซึ่งการทำงานของหุ่นยนต์ปลูกผม จะต้องอาศัยการป้อนข้อมูลลักษณะเส้นผม ทิศทาง รวมไปถึงยังต้องใส่รากผมที่ผ่านการคัดเลือกแล้วลงไปในเครื่อง โดยจะต้องเป็นผู้ที่ผ่านการฝึกการใช้เครื่องมาอย่างชำนาญเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์แต่อย่างใด หากถามว่าปลูกผมด้วยหุ่นยนต์ปลูกผม ดีกว่าการปลูกผมโดยแพทย์หรือไม่ คำตอบคือ “ไม่จริง” เพราะหุ่นยนต์ปลูกผมไม่สามารถออกแบบแนวผมด้านหน้า อย่างที่แพทย์เป็นผู้ทำได้ อีกทั้งยังมีราคาที่สูงมากๆ จนส่งผลให้ราคาค่าปลูกผมแพงขึ้นโดยที่ผลลัพธ์ไม่ได้เพิ่มขึ้น จึงทำให้การปลูกผมโดยแพทย์ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีและคุ้มค่าที่สุดอยู่นั่นเอง