เป็นอีกหนึ่งการอัปเดตที่เรียกได้ว่าสั่นสะเทือนวงการการทำผมเลยก็ว่าได้ เมื่อ FDA ของประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังยื่นเรื่องขอแบนน้ำยายืดผม เนื่องจากเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคเพศหญิงที่ใช้ มีโอกาสเกิดโรคมะเร็งมดลูกได้…จริงหรือ? ยืดผม เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในการทำผมเปลี่ยนลุคยอดนิยม ที่ไม่ว่ามองไปทางไหน ก็มักจะพบกับสาวๆ ที่มีผมตรงสลวยกันอยู่มากมาย ข่าวออกมาแบบนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และสาวไทยอย่างเราๆ จะยังสามารถยืดผมได้อยู่หรือเปล่า วันนี้เรามาลองหาข้อมูลไปพร้อมๆ กัน
การยืดผมบ่อยๆ เสี่ยงเป็นมะเร็งมดลูกจริงหรือไม่
คำตอบคือ เสี่ยงจริง เพราะเมื่อประมาณปี 2022 ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีงานวิจัยของ Journal of the National Cancer Institute ได้พบว่าผู้หญิงที่ยืดผมตรงมากกว่า 4 ครั้ง หรือ 4 ครั้งต่อปี มีแนวโน้มที่จะเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งมดลูกตอนอายุ 70 ปี ได้มากถึง 4.05% ในขณะที่ผู้หญิงที่ไม่เคยยืดผมมาก่อน มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพียง 1.64% เท่านั้น โดยงานวิจัยชิ้นนี้ถูกจัดทำขึ้นโดยมีอาสาสมัครในการทดสอบมากถึง 33,497 คน ตลอดระยะเวลา 11 ปี ซึ่งคำว่ามีความเสี่ยงที่ว่านี้ ไม่ได้หมายถึงผู้หญิงทุกคนที่ยืดผมเกิน 4 ครั้ง จะทำให้กลายเป็นมะเร็งมดลูกกันทั้งหมด แต่เป็นการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงที่มากกว่าปกติที่อาจจะเกิดเท่านั้น
การยืดผมคืออะไร
การยืดผม คือ การทำให้เส้นผมที่หยิกหรือหยักศกกลายมาเป็นผมที่ตรงและเรียบลื่นได้แบบกึ่งถาวร ซึ่งการยืดผมนั้น จะแตกต่างจากการหนีบผมด้วยเครื่องหนีบผมปกติตรงที่สามารถคงความเรียบของเส้นผมได้นานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนแม้เราจะสระผมก็ตาม สามารถศึกษาโครงสร้างเส้นผมได้ที่นี่
FDA คืออะไร
FDA ย่อมาจาก Food and Drug Administration เป็นองค์กรที่มีหน้าที่คอยตรวจสอบ ดูแลและควบคุมคุณภาพของอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยา อาหาร ไปจนถึงเครื่องสำอางชนิดต่างๆ ในประเทศ ซึ่งไม่เพียงแค่ในประเทศอเมริกาเท่านั้น ในประเทศไทยก็มี FDA เช่นกัน แต่เราจะคุ้นหูกันในชื่อ “องค์การอาหารและยา” หรือ อย. มากกว่านั่นเอง
ยืดผม ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดมะเร็งมดลูก
ในเดือนมีนาคม ปี 2022 สมาชิกสภานิติบัญญัติสองคน ได้แก่ ตัวแทน Ayanna Pressley, D-Massachusetts และ Shontel Brown, D-Ohio ได้เขียนจดหมายถึง Dr. Robert Califf กรรมาธิการ FDA เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานดำเนินการ “การสอบสวนอย่างละเอียดและโปร่งใส” เพื่อตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์เคมียืดผมในท้องตลาด มีสารก่อมะเร็งซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งมดลูก โดยมีการคาดคะเนว่าสารเคมีในน้ำยายืดผม อาจเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในร่างกาย และมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นเซลล์มะเร็งที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนบางชนิดได้ ซึ่งไม่ใช่แค่มะเร็งมดลูกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงมะเร็งรังไข่และมะเร็งเต้านมอีกด้วย
ซึ่งทาง FDA ของสหรัฐอเมริกาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และกำลังดำเนินการยื่นคำร้องเพื่อทำการแบนน้ำยายืดผม ที่มีส่วนผสมของสารเคมี Formaldehyde อันเป็นสารที่กระตุ้นให้เกิดเซลล์มะเร็งนั่นเอง ซึ่งหากในครั้งนี้ทาง FDA ทำสำเร็จ จะช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งมดลูกในชาวผิวดำได้อีกมากมาย เนื่องจากในสังคมปัจจุบันนี้ ชาวผิวสีกำลังถูกค่านิยมเรื่องผมตรง เท่ากับ สวย กดทับอยู่ ทำให้ความนิยมของการยืดผมในชาวผิวสีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก นั่นจึงรวมไปถึงความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
น้ำยายืดผมในไทยอันตรายหรือไม่
ตามที่กล่าวไปข้างต้น สารเคมีในน้ำยายืดผมที่ทำให้เสี่ยงต่อมะเร็งมดลูกคือ สารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ซึ่งคณะกรรมการอาหารและยาประเทศไทยประกาศห้ามใช้ในเครื่องสำอางค์ เนื่องจากเป็นสารก่อมะเร็ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565
หากใครที่มีแพลนยืดผมควรเลือกน้ำยายืดผมที่มีความน่าเชื่อถือ มีฉลากภาษาไทย ฉลากส่วนผสม สถานที่ผลิตและนำเข้า และมีเลขที่ใบจดแจ้งอย่างถูกต้อง แค่นี้ก็สามารถยืดผมให้ตรงสลวยได้อย่างปลอดภัยแล้วล่ะค่ะ
สรุป
การยืดผมถาวรเสี่ยงต่อการทำให้เกิดมะเร็งมดลูกได้จริง เพราะในน้ำยายืดผมส่วนใหญ่ มีการใช้สารเคมีที่มีชื่อว่า Formaldehyde เป็นสารเคมีที่สามารถเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนากลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งไม่ใช่แค่มะเร็งมดลูกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงมะเร็งรังไข่และมะเร็งเต้านมอีกด้วย ความน่าเชื่อถือของข่าวที่ว่านี้คือเมื่อปี 2022 ได้มีการเรียกร้องให้ FDA หรือ อย. ของประเทศสหรัฐอเมริกา ตรวจสอบผลิตภัณฑ์เคมียืดผมในท้องตลาด ว่ามีสารก่อมะเร็งและทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดมะเร็งมดลูกขึ้นจริงหรือไม่ และผลของการตรวจสอบดังกล่าว ทำให้ FDA กำลังยื่นเรื่องแบนน้ำยายืดผมอยู่นั่นเอง