เคยสงสัยไหมคะว่าทำไมบางวันผมถึงจัดทรงยาก ชี้ฟู หรือมันเร็วเกินไป จริงๆ แล้วมันเกี่ยวข้องกับ ลักษณะเส้นผม ของเราทั้งหมดค่ะ เมื่อเรารู้จักประเภทและลักษณะเส้นผมของตัวเอง เราจะสามารถดูแลเส้นผมได้ตรงจุด ลดปัญหาผมเสีย และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผมของเราได้ง่ายขึ้นค่ะ
เส้นผมของแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น ผมตรง ผมหยักศก ผมหยิก หรือผมขด รวมถึงปัจจัยอื่นๆ อย่าง ความหนาแน่น ขนาด ความพรุน และสภาพหนังศีรษะ ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลต่อสุขภาพของเส้นผมค่ะ การเข้าใจเส้นผมของตัวเองจะทำให้เราสามารถดูแลได้ดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
ในบทความนี้ เราจะพามาทำความรู้จักกับประเภทของเส้นผมและลักษณะเฉพาะ พร้อมแนะนำวิธีดูแลเส้นผมที่เหมาะสม ตั้งแต่การเลือกแชมพู ครีมนวด ไปจนถึงเทคนิคการบำรุงและจัดแต่งทรงผมให้ดูสุขภาพดีค่ะ
ประเภทเส้นผมมีอะไรบ้าง
เส้นผมของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องสีหรือความยาวนะคะ แต่ยังรวมถึงลักษณะพื้นฐานของเส้นผมที่ส่งผลต่อการดูแลและจัดทรงด้วยค่ะ ผมของเราสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ ลองมาเช็กดูนะคะว่าเส้นผมของเราอยู่ในประเภทไหน
อ่านบทความที่น่าสนใจได้ที่: คนผมหยิกปลูกผมได้มั้ย
1. ผมตรง (Straight Hair)
ผมประเภทนี้จะเรียบลื่น ไม่มีลอนเลยค่ะ น้ำมันจากหนังศีรษะสามารถกระจายไปทั่วเส้นผมได้ง่าย ทำให้ผมดูเงางามและนุ่มลื่นค่ะ แต่ก็มีปัญหาที่พบบ่อยคือ ผมมันง่าย ทำให้ดูผมลีบแบนติดหนังศีรษะ
ข้อดี:
- จัดทรงง่าย ไม่ต้องใช้เวลาม้วนลอนหรือหนีบให้ตรง
- ผมเงาสวยโดยธรรมชาติ เพราะน้ำมันสามารถเคลือบเส้นผมได้ทั่วถึง
ข้อเสีย:
- ผมมันเร็ว เนื่องจากน้ำมันจากหนังศีรษะกระจายได้ดี
- อาจจะดูลีบแบนขาดวอลลุ่มค่ะ
2. ผมหยักศก (Wavy Hair)
ผมประเภทนี้จะเป็นคลื่นอ่อนๆ ดูมีวอลลุ่มมากกว่าผมตรงค่ะ ไม่หยิกมาก แต่ก็ไม่เรียบสนิท บางครั้งก็ดูชี้ฟู ไม่เป็นทรง
ข้อดี:
- มีวอลลุ่มธรรมชาติ ทำให้ดูหนาและมีมิติ
- สามารถทำทรงลอนได้ง่ายขึ้น
ข้อเสีย:
- มีแนวโน้มชี้ฟูได้ง่าย โดยเฉพาะในอากาศชื้น
- อาจดูยุ่งเหยิงถ้าไม่ได้เซ็ตผมให้ดีค่ะ
3. ผมหยิก (Curly Hair)
มีลักษณะลอนชัดเจนและเป็นเกลียวคล้ายสปริงค่ะ ผมประเภทนี้มักจะแห้งง่ายกว่าผมประเภทอื่น เพราะน้ำมันจากหนังศีรษะไม่สามารถกระจายไปถึงปลายผมได้ดีค่ะ อาจทำให้ผมแห้งเสีย แตกปลาย และชี้ฟู
ข้อดี:
- ผมดูหนา มีวอลลุ่ม และเป็นทรงสวยแบบธรรมชาติ
- สามารถจัดแต่งทรงให้ดูโดดเด่นได้ง่ายค่ะ
ข้อเสีย:
- ผมแห้งง่าย ต้องการความชุ่มชื้นสูง
- จัดทรงยากกว่าผมตรงและผมหยักศก
4. ผมขด (Coily Hair)
ลักษณะเป็นเส้นผมที่ขดเป็นวงเล็กๆ คล้ายสปริงแน่นๆ ค่ะ ผมประเภทนี้มักจะมีพื้นผิวที่แห้ง เปราะ และแตกปลายง่าย
ข้อดี:
- มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และดูโดดเด่น
- ผมดูมีวอลลุ่มมากและสามารถจัดแต่งทรงที่เป็นเอกลักษณ์ได้ค่ะ
ข้อเสีย:
- แห้งและเปราะง่าย ต้องการการบำรุงมากเป็นพิเศษ
- ต้องใช้เวลาจัดทรงมากกว่าผมประเภทอื่นๆ
ลักษณะเส้นผมที่ควรรู้
เส้นผมของเรามีลักษณะเฉพาะตัวมากมายค่ะ และไม่ใช่แค่ประเภทเส้นผมเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ความหนาแน่น ขนาดเส้นผม ความพรุน และสภาพหนังศีรษะ ที่ส่งผลต่อสุขภาพผมโดยตรงค่ะ การรู้จักลักษณะเส้นผมของตัวเองจะช่วยให้เราเลือกผลิตภัณฑ์และวิธีดูแลได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ มาดูกันค่ะว่าเส้นผมของเรามีลักษณะแบบไหนบ้างและจะดูแลอย่างไรให้ผมสวยสุขภาพดี
1. ความหนาแน่นของเส้นผม (Hair Density)
ความหนาแน่นของเส้นผมคือจำนวนเส้นผมบนศีรษะของเราต่อพื้นที่ค่ะ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับหลักๆ ดังนี้
- ผมบาง ถ้าส่องกระจกแล้วเห็นหนังศีรษะได้ชัดเจน แสดงว่าอาจมีผมบางค่ะ ลักษณะของผมบางมักทำให้ทรงผมดูแบนและขาดวอลลุ่ม วิธีการดูแลคือ ใช้แชมพูเพิ่มวอลลุ่มเพื่อให้ผมดูหนาขึ้น และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคนหนักๆ เพราะอาจทำให้ผมลีบแบนค่ะ
- ผมหนาปานกลาง เป็นลักษณะผมที่พบได้บ่อยที่สุดค่ะ ไม่บางเกินไปและไม่หนาเกินไป ดูแลค่อนข้างง่ายและสามารถจัดแต่งทรงได้หลากหลายค่ะ วิธีการดูแลคือ ใช้เซรั่มหรือมูสเพิ่มวอลลุ่มเพื่อให้ผมดูมีมิติค่ะ
- ผมหนา คนที่มีผมหนาจะมีเส้นผมจำนวนมาก ทำให้ผมดูแน่นและมีน้ำหนักค่ะ แต่บางครั้งอาจรู้สึกว่าผมหนักและจัดทรงยาก การดูแลทำได้โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผมนุ่มลื่นและลดความพันกัน หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผมหนาหนักขึ้น เช่น มูสหรือแว็กซ์ที่เหนียวเกินไป
2. ขนาดของเส้นผม (Hair Texture)
ขนาดของเส้นผมหมายถึงเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมแต่ละเส้นค่ะ ซึ่งมีผลต่อความแข็งแรงของเส้นผมและวิธีการดูแล
- ผมเส้นเล็ก มักจะดูบอบบางและลีบแบนง่าย แต่ข้อดีคือทำให้เส้นผมดูพลิ้วไหวและจัดทรงง่าย การดูแลทำได้โดยใช้แชมพูเพิ่มวอลลุ่มเพื่อให้ผมดูหนาขึ้น หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่หนักเกินไป เพราะอาจทำให้ผมลีบแบนค่ะ
- ผมเส้นใหญ่ ผมจะดูหนาและมีน้ำหนัก ซึ่งช่วยให้ผมดูสุขภาพดีและแข็งแรง แต่ก็อาจชี้ฟูและจัดทรงยากกว่าผมเส้นเล็กค่ะ การดูแลทำได้โดยใช้ครีมนวดที่ช่วยให้ผมมีความนุ่มลื่น ไม่พันกัน ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความชี้ฟู เช่น เซรั่มหรือออยล์บำรุง
3. ความพรุนของเส้นผม (Hair Porosity)
ความพรุนของเส้นผม หมายถึงความสามารถของเส้นผมในการดูดซับและกักเก็บความชุ่มชื้น แบ่งออกเป็น 3 ระดับ
- ผมพรุนต่ำ เส้นผมประเภทนี้ไม่ค่อยดูดซับความชื้น ทำให้ผลิตภัณฑ์บำรุงซึมเข้าสู่เส้นผมได้ยาก
- ผมพรุนปานกลาง เป็นระดับที่สมดุลที่สุดค่ะ เพราะสามารถดูดซับและกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี
- ผมพรุนสูง เส้นผมประเภทนี้ดูดซับน้ำและผลิตภัณฑ์บำรุงได้เร็ว แต่ก็สูญเสียความชุ่มชื้นได้เร็วเช่นกันค่ะ
4. ความยืดหยุ่นของเส้นผม (Hair Elasticity)
ความยืดหยุ่นของเส้นผมคือความสามารถของเส้นผมในการยืดตัวและกลับสู่สภาพเดิมโดยไม่ขาด ถ้าผมของคุณเปราะง่าย ขาดง่าย อาจหมายถึงว่าผมมีความยืดหยุ่นต่ำ ซึ่งอาจเกิดจากการขาดความชุ่มชื้นหรือเสียหายจากสารเคมีค่ะ
วิธีการดูแลเส้นผมเพื่อรักษาความยืดหยุ่นทำได้โดย ใช้ทรีตเมนต์บำรุงเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นผม หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนสูงบ่อยๆ เพราะจะทำให้ผมเปราะบางมากขึ้นค่ะ
5. สภาพหนังศีรษะ (Scalp Condition)
หนังศีรษะมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของเส้นผมค่ะ ถ้าหนังศีรษะมีปัญหา เส้นผมก็มักจะได้รับผลกระทบด้วย
- หนังศีรษะมัน ถ้าหนังศีรษะมันเร็ว แสดงว่าต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ซึ่งอาจทำให้ผมมันเร็ว เพื่อลดความมันบนหนังศีรษะแนะนำให้ใช้แชมพูสำหรับหนังศีรษะมันเพื่อลดความมันส่วนเกิน และหลีกเลี่ยงการสระผมด้วยน้ำร้อน เพราะจะกระตุ้นการผลิตน้ำมันมากขึ้นค่ะ
- หนังศีรษะแห้ง ถ้าคุณรู้สึกว่าหนังศีรษะลอกหรือมีอาการคัน อาจเกิดจากความแห้งของหนังศีรษะค่ะ ซึ่งมักทำให้เกิดรังแคได้ง่าย วิธีการดูแลหนังศีรษะแห้งทำได้โดยใช้แชมพูที่ให้ความชุ่มชื้นและปราศจากซัลเฟต และหลีกเลี่ยงการใช้ไดร์เป่าผมด้วยความร้อนสูงเกินไป
- หนังศีรษะผสม หนังศีรษะประเภทนี้จะมีความมันที่โคนผม แต่ปลายผมแห้ง ซึ่งอาจทำให้ดูแลยากค่ะ แต่ดูแลได้ค่ะ ใช้แชมพูที่ช่วยควบคุมความมันที่โคนผม แต่ให้ความชุ่มชื้นที่ปลายผม หลีกเลี่ยงการใช้ครีมนวดที่หนังศีรษะ แต่เน้นที่ปลายผมแทนค่ะ
ลักษณะเส้นผมของเราส่งผลต่อการดูแลและสุขภาพของเส้นผมโดยตรงนะคะ ถ้าเราเข้าใจเส้นผมของตัวเองดี ก็จะสามารถเลือกวิธีดูแลที่เหมาะสมที่สุดได้ค่ะ ลองสังเกตเส้นผมของตัวเองแล้วนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ดูนะคะ รับรองว่าผมของคุณจะดูสุขภาพดีขึ้นแน่นอนค่ะ
วิธีการดูแลเส้นผมให้เหมาะสม
เมื่อเรารู้จักลักษณะเส้นผมของตัวเองแล้ว การดูแลเส้นผมให้เหมาะสมกับลักษณะและสภาพผมก็จะง่ายขึ้นค่ะ นอกจากจะช่วยให้ผมของคุณมีสุขภาพดีแล้ว ยังช่วยให้การจัดทรงผมทำได้ง่ายขึ้นด้วยนะคะ มาดูกันค่ะว่าแต่ละประเภทของเส้นผมควรดูแลยังไงบ้าง
- การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับลักษณะเส้นผมเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม อาจจะทำให้ผมของคุณยิ่งแห้ง ชี้ฟู หรือมันมากขึ้นได้ มาดูกันค่ะว่าเส้นผมประเภทต่างๆ ควรใช้ผลิตภัณฑ์แบบไหนบ้าง
- ผมแห้ง เลือกแชมพูที่มีมอยส์เจอร์สูง เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผมค่ะ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันอาร์แกน หรือน้ำมันมะพร้าว ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผมให้เนียนนุ่ม
- ผมมัน เลือกแชมพูที่ช่วยควบคุมความมัน โดยไม่ทำให้ผมแห้งจนเกินไปค่ะ แชมพูที่มีส่วนผสมของชาเขียว หรือเปปเปอร์มินต์ช่วยในการควบคุมความมันและทำให้ผมรู้สึกสะอาดขึ้น
- ผมเสีย หากผมของคุณแห้งหรือแตกปลาย ควรเลือกแชมพูที่มีเคราติน หรือโปรตีนฟื้นฟูผม เพื่อช่วยซ่อมแซมเส้นผมที่เสียหาย และคืนความแข็งแรงให้กับผมค่ะ
- การสระผมที่ถูกต้อง การสระผมก็สำคัญไม่แพ้การเลือกผลิตภัณฑ์ค่ะ เพราะการสระผมไม่ถูกวิธีอาจทำให้ผมแห้งเสีย หรือทำให้เส้นผมขาดง่ายได้ค่ะ ลองทำตามขั้นตอนนี้ดูนะคะ
- ใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็นในการสระผมแทนน้ำร้อนค่ะ เพราะน้ำร้อนจะทำให้ผมแห้งและขาดหลุดร่วงได้ง่ายค่ะ น้ำเย็นช่วยล็อกความชุ่มชื้นในเส้นผมให้คงอยู่
- นวดหนังศีรษะเบาๆ ระหว่างสระผมเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดค่ะ การนวดช่วยให้หนังศีรษะสะอาด และยังช่วยให้เส้นผมเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
- อย่าขยี้ผมแรงๆ นะคะ เพราะจะทำให้ผมพันกันและขาดง่าย การล้างผมให้สะอาดด้วยการนวดเบาๆ จะช่วยลดปัญหาผมพันกันค่ะ
อ่านบทความที่น่าสนใจได้ที่: วิธีสระผมที่ถูกต้อง เคล็ดลับผมสวย เงางาม สุขภาพดี
- การบำรุงหลังสระผม หลังจากสระผมเสร็จแล้ว การบำรุงผมเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรข้ามค่ะ เพราะผมที่ผ่านการสระและได้รับความชื้นจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต้องการการฟื้นฟูและการบำรุงเพื่อให้สุขภาพผมดีขึ้น
- ใช้ครีมนวดเส้นผมทุกครั้งหลังการสระผมค่ะ ครีมนวดจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผมนุ่มลื่น
- หมักผมด้วยน้ำมันธรรมชาติสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เช่น น้ำมันมะพร้าว หรืออาร์แกนออยล์ เพื่อบำรุงผมอย่างล้ำลึก และช่วยให้ผมไม่แห้งเสีย
- หากใช้เครื่องมือจัดแต่งทรงผมที่มีความร้อน เช่น ไดร์เป่าผม หรือเครื่องหนีบผม อย่าลืมใช้เซรั่มหรือสเปรย์บำรุงผมที่ช่วยป้องกันความร้อนก่อนนะคะ เพื่อป้องกันการทำลายจากความร้อนและทำให้ผมดูเงางามค่ะ
เมื่อเรารู้จักวิธีการดูแลเส้นผมที่เหมาะสมแล้ว ผมของเราก็จะดูสุขภาพดีและนุ่มลื่น พร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นใจค่ะ
สรุป
การรู้จักลักษณะเส้นผมของตัวเองและการดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธีเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ผมของคุณดูดีและมีสุขภาพดีขึ้นค่ะ เส้นผมของแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การเข้าใจในประเภทและลักษณะเส้นผมจะทำให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์และวิธีดูแลได้อย่างตรงจุด ลดปัญหาผมเสีย และเพิ่มความสวยงามให้เส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ