ศัลยกรรมปลูกผม

ในปัจจุบันเทคนิคที่นิยมใช้ ปลูกผม หรือปลูกผมถาวรมีอยู่สองแบบ ก็คือวิธี FUE และ FUT โดยทั้งสองแบบมีจุดประสงค์เพื่อย้ายรากผมจากบริเวณเหนือกกหูและด้านหลังศีรษะ (Donor Area) มาปลูกในบริเวณที่ผมบางแทน ซึ่งภายในเวลา 12-18 เดือนเส้นผมก็จะงอกขึ้นใหม่เต็มที่และเป็นธรรมชาติโดยไม่ร่วงอีก เพราะรากผมจากเหนือกกหูและด้านหลังศีรษะนั้นมีความแข็งแรงและไม่ได้ถูกฮอร์โมนที่ชื่อว่า  DHT ทำร้าย เพราะเจ้า DHT นี่แหละคือตัวการที่ทำให้ผมร่วง

ปลูกผม FUE กับ FUT แตกต่างกันยังไง

การปลูกผมถาวรทั้งสองเทคนิคนี้ให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน แตกต่างกันตรงวิธีที่จะนำรากผมออกมาจากบริเวณเหนือกกหู หรือด้านหลังศีรษะ (Donor Area)

ขั้นตอนนี้เราเรียกว่า Donor Harvesting ซึ่งวิธีการที่แตกต่างกันนี้จะส่งผลให้แผลผ่าตัด การดูแลแผล การพักฟื้นมีลักษณะที่แตกต่างกัน แต่ขอย้ำอีกครั้งว่าผลลัพธ์ไม่แตกต่างกัน ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าแต่ละเทคนิคแตกต่างกันยังไงบ้าง

1. เจาะรากผมจากบริเวณด้านหลังศีรษะ

แพทย์จะใช้หัวเจาะแบบไฮบริดของ WAW FUE SYSTEM ที่ออกแบบโดย Dr. Jean Devroye ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า 1 มม. เพื่อเจาะเอารากผมออกมาจากบริเวณ Donor Area

ปลูกผม 01

2. คัดแยกรากผมที่มีความแข็งแรง

รากผมที่เจาะออกมาจะถูกคัดแยกและจัดกลุ่มให้เหมาะสม โดยแยกตามจำนวนเส้นผม 1 เส้น 2 เส้น และ 3 เส้น เป็นต้น เพื่อเตรียมสำหรับขั้นตอนการปลูกผมต่อไป

ปลูกผม 02

3. เก็บรักษารากผมในน้ำยาแช่กราฟท์ที่ดีที่สุด

นำรากผมที่เจาะออกมาไปเก็บไว้ในน้ำยา HypoThermosol ซึ่งถือว่าเป็นน้ำยาแช่กราฟท์ที่ดีที่สุดในโลกที่ออกแบบมาเพื่อการปลูกผมโดยเฉพาะ

ปลูกผม 03

4. ขั้นตอนการปลูกผมโดยใช้ Implanter pen

นำรากผมไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ โดยใช้ Implanter Pen หรือที่เรียกว่า ปลูกผม DHI แทนการใช้คีมเล็กๆ แบบดั้งเดิม เพื่อลดโอกาสสร้างความเสียหายให้กับรากผม

ปลูกผม 04

ข้อดีของการปลูกผม FUE

ด้วยประสบการณ์ของแพทย์อเมริกันบอร์ดศัลยกรรมปลูกผมอย่าง พญ. พรีมา ทศบวร ผนวกกับหนึ่งในหัวเจาะไฮบริดที่ดีที่สุดในโลกอย่าง WAW FUE SYSTEM จากประเทศเบลเยี่ยม แผลที่เกิดขึ้นบริเวณด้านหลังศีรษะจึงมีขนาดเล็กกว่า 1 มม. เมื่อคนไข้ไว้ผมยาวกว่า 3 มม. ก็ทำให้มองไม่เห็นแผลเป็นเหล่านั้น

  • ไม่มีรอยแผลเป็นแนวยาว 15-30 ซม. ซึ่งจะพบได้ในการปลูกผมด้วยเทคนิค FUT
  • ใช้เวลาในการพักฟื้นสั้นกว่าวิธี FUT หรือแทบไม่ต้องพักฟื้น หลังปลูกผมสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • ไม่มีการเย็บแผลเหมือนวิธี FUT
  • ผลลัพธ์ถาวร ทำให้คนไข้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น
https://www.hairsmithclinic.com/does-hair-transplant-hurt

ข้อจำกัดของการปลูกผม FUE

  • สามารถเจาะรกผมออกจากบริเวณด้านหลังได้อย่างจำกัด แพทย์จึงต้องวางแผนการรักษาให้ดี
  • ผมบริเวณด้านหลังจะดูบางลง หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์จะเจาะกระจายแบบทั่วๆ เพื่อไม่ให้ผมด้านหลังบางเป็นกระจุก
  • ต้องโกนผมด้านหลัง ทำให้ทรงผมหลังปลูกผมดูแปลกตา

วิดีโอปลูกผม FUE

ปลูกผมเทคนิค FUE คืออะไร

ขั้นตอนเจาะเอารากผมออกมา

ขั้นตอนปลูกผมด้วย Implanter Pen

ปลูกผม FUE ดีไหม คุ้มค่าหรือไม่

การปลูกผม FUE เป็นวิธีใหม่ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการผ่าตัดขนาดเล็กและไม่จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนาน ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเส้นยาวๆ ตรงบริเวณด้านหลังศีรษะ อีกทั้งหลังการปลูกผมยังดูแลง่าย ผมที่งอกขึ้นมาใหม่มีความแข็งแรง ทิศทางผมมีความเป็นธรรมชาติ การปลูกผม FUE เป็นหัตถการที่ทำแล้วได้ผลระยะยาว จึงมีความคุ้มค่าที่จะลงทุนเพื่อความมั่นใจของตัวเอง

ความแตกต่างของการปลูกผม FUE กับ การปลูกผมแบบธรรมดา Strip FUT, DHI และ Long Hair

  • ความแตกต่างของการปลูกผม FUE และการปลูกผมแบบธรรมดา (Strip FUT) คือวิธีการนำรากผมออกจากบริเวณด้านหลังศีรษะ แบบ FUE จะใช้วิธีการเจาะออกมาทีละรากทำให้มีแผลเป็นจุดเล็กๆ สำหรับแบบ FUT เป็นการตัดหนังศีรษะออกมาเป็นชิ้นยาวๆ ซึ่งจำทำให้มีแผลเป็นหลังปลูกผมยาวประมาณ 15-30 เซนติเมตร
  • ปลูกผม DHI มีขั้นตอนเหมือนกันกับวิธี FUE ทุกประการ แตกต่างกันตรงอุปกรณ์ที่ใช้ในการปลูกผม วิธี FUE จะใช้คีม (Forceps) คีบรากผมไปปลูกผมในบริเวณที่ต้องการ แต่ปลูกผม DHI จะใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายปากกาเรียกว่า Implanter pen ปลูกผมข้อดีคือใช้ระยะเวลาปลูกผมสั้นลง ช่วยลดความเสียหายของรากผม อย่างไรก็ตามที่ Hairsmith Clinic ไม่ได้แยกวิธีปลูกผม DHI ออกจาก FUE เพื่อไม่ให้คนไข้เกิดความสับสนโดยอ้างอิงตามนิยามของสมาคมปลูกผมนานาชาติ (ISHRS) ที่ไม่ได้มีข้อกำหนดว่าต้องใช้อุปกรณ์อะไรในการปลูกผมนั่นเอง ซึ่งทางคลินิกฯ เป็นผู้นำเอา Implanter pen มาใช้ในการปลูกผมสำหรับทุกวิธีกับคนไข้ทุกเคสอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2017 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับความแตกต่างของวิธีปลูกผม DHI และวิธีปลูกผม FUE
  • ปลูกผม Long Hair มีลักษณะเหมือนกับวิธี FUE เช่นกัน แตกต่างตรงที่ไม่มีการโกนผมด้านหลัง โดยจะเจาะรากผมออกมาและนำไปปลูกทั้งผมยาวๆ ข้อดีคือหลังปลูกผมคนไข้สามารถเห็นผมที่ปลูกแบบยาวได้เลยทำให้ดูกลมกลืนกับผมธรรมชาติ ข้อจำกัดคือคนไข้ต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะผมที่นำมาปลูกมีความยาวอาจเสี่ยงไปเกี่ยวโดนทำให้รากผมหลุดออกมา รวมถึงในช่วง 1-3 เดือนแรกผมที่ปลูกไปจะร่วงออกมาก่อนอยู่ดี
ปลูกผม 01
ปลูกผม 03
ปลูกผม 04
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาคุณหมอฟรี

ปลูกผม FUT จะแตกต่างจาก ปลูกผม FUE แค่อย่างเดียวนั่นก็คือขั้นตอนการนำผมออกจากด้านหลังศีรษะ


ราคาปลูกผมก็เท่ากัน เทคนิคปลูกผมแบบนี้จะเป็นการผ่าเอาหนังศีรษะออกมาทั้งชิ้น แล้วจึงนำมาแบ่งเป็นกราฟท์ใต้กล้องจุลทรรศน์ ส่วนขั้นตอนที่เหลือนั้นจะเหมือนกับปลูกผมเทคนิค FUE ทั้งหมด

ข้อดีของการปลูกผม FUT

  • ปลูกผมด้วยเทคนิค FUT จะช่วยให้แพทย์สามารถนำรากผมออกจากบริเวณด้านหลังศีรษะได้จำนวนมากภายในเวลาที่สั้นกว่าโดยที่ผมบริเวณด้านหลังศีรษะนี้จะไม่บางลง
  • ไม่จำเป็นต้องโกนศีรษะก่อนผ่าตัด ปลูกผมด้วยเทคนิคนี้จะเหมาะกับคนไข้ที่ต้องใช้จำนวนกราฟท์จำนวนมาก หรือมีแนวโน้มที่จะต้องปลูกซ้ำหลายรอบ
https://www.hairsmithclinic.com/does-hair-transplant-hurt

ข้อจำกัดของการปลูกผม FUT

  • มีแผลเป็นยาว 15-30 ซม. ที่ด้านหลัง คนไข้จึงควรไว้ผมยาวประมาณ 2-3 ซม. เพื่อปิดแผลเป็นให้มองไม่เห็น
  • มีการเย็บแผลบริเวณด้านหลังศีรษะ ทำให้หลังปลูกผม 10 วันแพทย์จำทำการนัดเพื่อมาตัดไหมอีกครั้ง

ผลลัพธ์จากวิธีปลูกผมทั้งสองเทคนิคนั้นไม่แตกต่างกัน โดยหลังจากปลูกผมไปแล้วสองสัปดาห์ ผมที่ปลูกจะหลุดร่วงไปก่อนเกือบหมด จากนั้นผมจะค่อยๆ ขึ้นในเดือนที่สี่ และขึ้นเต็มที่ในเดือนที่ 12-18 ผมที่ปลูกนี้คือผมธรรมชาติ คนไข้สามารถตัดสั้น ย้อม หรือดัดผมได้ตามปกติ

อย่างไรก็ดี ควรทราบว่าการดูรูปผลลัพธ์หลังปลูกทันทีนั้น “ไม่ได้บ่งบอกหรือรับประกัน” ว่าผมที่ปลูกจะขึ้น หรือผลลัพธ์จะออกมาดี คนไข้ควรพิจารณาผลลัพธ์จากรูปหลังปลูกผมไปแล้ว 6-12 เดือนมากกว่า
ปลูกผม FUE ปลูกผม FUT

จากข้อมูลที่อธิบายมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าแต่ละวิธีจะมีข้อดีและข้อด้อยของตัวเองแตกต่างกันไป ไม่มีสูตรสำเร็จว่าวิธีไหน “ดีที่สุด” แต่ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนมากกว่า ทั้งนี้ควรนัดปรึกษาแพทย์ในคลินิกปลูกผมที่มีประสบการณ์เพื่อขอรับคำแนะนำเพิ่มเติม

แพทย์ศัลยกรรมปลูกผมที่ดี จะไม่แนะนำแต่เทคนิคที่ตัวเองถนัด หากแต่จะแนะนำเทคนิคที่เหมาะสมที่สุดให้กับคนไข้ และให้ข้อมูลที่ถูกต้องโดยเห็นแก่ประโยชน์ของคนไข้เป็นหลัก

พัฒนาการ ปลูกผม

1. ช่วง 2 สัปดาห์หลังปลูกผม

เป็นระยะที่รากผมฝังตัวเรียบร้อยแล้ว แผลตรงบริเวณที่ปลูกผมจะเริ่มตกสะเก็ด ในช่วงนี้ผมที่ปลูกจะหลุดร่วงออกไปก่อนซึ่งเป็นเรื่องปกติ  และแผลเจาะด้านหลังศีรษะหายดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

2. ช่วง 3 เดือนหลังปลูกผม 

ผมที่ปลูกจะเริ่มขึ้นเป็นไรผมเส้นบางๆ ประมาณ 10-15% ทำให้ยังไม่เห็นแนวไรผมที่ชัดเจนในระยะ 3 เดือนแรกนี้

3. ช่วง 6 เดือนหลังปลูกผม

ผมเส้นหนาขึ้น เราจะเริ่มเห็นแนวไรผมได้อย่างชัดเจน ผลลัพธ์ของผมที่ปลูกนั้นจะขึ้นมา 40-50% และขึ้นแบบทั่วๆ ของบริเวณที่ปลูกผม

4. ช่วง 12-18 เดือนหลังปลูกผม

เป็นระยะที่เห็นผลลัพธ์สุดท้ายของการปลูกผม ได้แนวผมใหม่ที่ชัดเจน ผมเส้นหนาอย่างเป็นธรรมชาติ

  • ด้วยความที่ศัลยกรรมปลูกผมเป็นการผ่าตัดเล็ก ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนและหลังปลูกผมเลยไม่ได้ยุ่งยาก โดยมีวิธีการเตรียมตัวดังนี้
  • งดพวกวิตามินต่างๆ ก่อนเข้ารับการปลูกผม 2 สัปดาห์ หากใครที่ทานยา Minoxidil อยู่ก็ให้หยุดทานก่อน เพราะวิตามินและยาเหล่านี้อาจทำให้เลือดหยุดไหลช้าลง ส่งผลให้การผ่าตัดอาจใช้เวลานานขึ้น ระยะเวลาที่รากผมอยู่นอกร่างกายก็จะนานขึ้น อาจทำให้อัตราการรอดของกราฟท์ลดลง ที่สำคัญผู้เข้ารับการปลูกผมจะเมื่อยนานขึ้น
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องงดอาหารสามารถทานได้ตามปกติ
  • ในวันที่ปลูกผมแนะนำให้สวมเสื้อติดกระดุมแทนเสื้อยืด เมื่อกลับบ้านจะสามารถถอดเสื้อได้ง่ายกว่า ไม่ไปโดนบริเวณที่เพิ่งปลูกผม มิฉะนั้นกราฟท์ที่เพิ่งปลูกอาจจะหลุดและไม่ขึ้นตามที่ควรจะเป็น

อ่านเพิ่มเติม : การเตรียมตัวก่อนปลูกผมทำอย่างไร

  • งดสระผมเองใน 24 ชั่วโมงแรกหลังปลูกผม
  • วันรุ่งขึ้นหลังปลูกผมเข้ามาสระผมที่คลินิกฯ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของแผล (เจ้าหน้าที่จะสอนวิธีการสระผมในวันนี้ให้ด้วย)
  • งดการแกะหรือดึงสะเก็ดออก สะเก็ดเหล่านี้จะเริ่มหลุดไปเองหลังจากวันที่ 15 เป็นต้นไป
  • งดออกกําลังกายที่มีการปะทะ ห้ามห้อยศีรษะลง ห้ามยกนํ้าหนัก หรือออกกําลังกายใดๆ จนเหงื่อออกมาก ยกเว้นการเดิน หลังจากปลูกผมครบ 14 วัน สามารถออกกำลังการได้ตามปกติ ยกเว้นว่ายนํ้าและซาวน่าที่ต้องรอจนครบ 30 วันก่อน
  • หากต้องการยืดผม ย้อมผม ดัดผม แนะนําให้ทําหลังปลูกผมไปแล้ว 2 เดือน
  • หลีกเลี่ยงการตากแดดนานๆ จนผิวไหม้เป็นเวลา 3 เดือน แนะนําให้สวมหมวกเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งนานกว่า 10 นาที

และสามารถสระผมได้ทุกวัน แต่ควรเป็นไปตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่คลินิก ตลอดจนใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ก็สามารถสระผมได้ตามปกติ รวมทั้งใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ต้องระวังอะไรมากแล้ว รวมถึงการใช้เซรั่มบำรุงหนังศีรษะต่างๆ ก็สามารถใช้ได้หลังจากปลูกผม 2 สัปดาห์เช่นกัน

การปลูกผมจะมีผลข้างเคียงเล็กน้อยมาก ซึ่งไม่ได้เป็นที่น่ากังวล ที่พบได้ทั่วไปก็มักจะเป็นอาการบวม อาการปวดเล็กน้อย รอยแดง ภาวะผมร่วงชั่วคราว (Shock Loss) หรือเส้นผมเปลี่ยนสี เป็นต้น อย่างไรก็ดี ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้เป็นเรื่องชั่วคราวและสามารถหายได้เองเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง

ทั้งนี้ การเลือกคลินิกปลูกผมที่มีมาตรฐานจะลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้ ในทางตรงกันข้าม หากเลือกผู้ให้บริการที่ไม่มีมาตรฐานหรือไม่มีประสบการณ์ ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน อย่างเลวร้ายที่สุดคือติดเชื้อรุนแรงจนเสียชีวิต ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วที่ประเทศอินเดีย จะเห็นได้ว่าการเลือกคลินิกปลูกผมที่ดีจึงสำคัญมาก

อ่านเพิ่มเติม : วิธีการดูแลตัวเองหลังปลูกผม

ผลลัพธ์การปลูกผมเพิ่มเติม

https://www.hairsmithclinic.com/does-hair-transplant-hurt
https://www.hairsmithclinic.com/does-hair-transplant-hurt
https://www.hairsmithclinic.com/does-hair-transplant-hurt

กราฟท์คืออะไร

กราฟท์คือกอผม ซึ่งในหนึ่งกราฟท์นั้นอาจจะมีผม 1, 2, 3 หรือ 4 เส้นก็ได้ แต่โดยธรรมชาติแล้วร้อยละ 50 ของกราฟท์จะมี 2 เส้นค่ะ

ปลูกผมราคาเท่าไหร่

ปลูกผมราคาจะอยู่ที่ 75-140 บาทต่อกราฟท์ โดยมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ

  1. ไม่เกิน 1,000 กราฟท์ กราฟท์ละ 90 บาท
  2. เกิน 1,000 กราฟท์ กราฟท์ละ 75 บาท
  3. เทคนิค FUE แบบไม่โกนผม กราฟท์ละ 140 บาท

รายละเอียดราคาปลูกผมเพิ่มเติม

ปลูกผมเจ็บมั้ย

สำหรับเทคนิค FUE นั้น คนไข้จะเจ็บที่สุดตอนฉีดยาชา แต่พอหลังยาชาออกฤทธิ์แล้ว ไม่ว่าจะระหว่างผ่าตัดหรือหลังผ่าตัด คนไข้ก็จะไม่รู้สึกเจ็บค่ะ ส่วนเทคนิค FUT จะมีอาการปวดหลังผ่าตัดที่มากกว่าและนานกว่า อาจใช้เวลาหลายวันหน่อยกว่าที่จะหายปวดค่ะ สามารถอ่านรายละเอียดของ ปลูกผมเจ็บหรือไม่

ใช้เส้นผมจริงหรือเส้นผมสังเคราะห์

ศัลยกรรมปลูกผมคือการย้ายรากผมของคนไข้เองจากบริเวณท้ายทอยหรือเหนือกกหูมาปลูกในบริเวณที่ต้องการ ดังนั้นผมที่นำมาปลูกนั้นคือผมจริงที่สามารถยาวได้เหมือนธรรมชาติค่ะ

ต้องโกนผมมั้ย

โกนเฉพาะบริเวณท้ายทอยสำหรับเจาะเอากราฟท์ออกมาเท่านั้นค่ะ พื้นที่ที่ต้องโกนจะมีขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือค่ะ แต่หากคนไข้เลือกปลูกผมแบบ Non Shaven จะไม่โกนผมค่ะ

ปลูกผมต้องพักฟื้นนานมั้ย

การปลูกผมพักฟื้นไม่นาน เพราะศัลยกรรมปลูกผมถือว่าเป็นผ่าตัดเล็ก สำหรับเทคนิค FUE นั้นแผลจะมีขนาดเล็กกว่า 1 มม. ไม่เกิน 3 วันก็หายสนิทแล้ว คนไข้สามารถไปทำงานวันถัดไปได้เลย ในขณะที่เทคนิค FUT นั้นจะต้องมีการนัดให้คนไข้กลับมาตัดไหมในอีก 10 วันหลังผ่าตัดค่ะ

ปลูกผมเห็นผลเมื่อไหร่

ศัลยกรรมปลูกผมถือว่าเป็นโปรเจ็กต์ระยะ 12 เดือนค่ะ ผมที่ปลูกไปนั้นจะร่วงไปก่อนในช่วงสัปดาห์ที่ 3 จากนั้นจะค่อยๆ เริ่มขึ้นประมาณ 10-30% ในเดือนที่ 3 ก่อนที่จะขึ้นอย่างเต็มที่ในเดือนที่ 12 หรือ 1 ปีเต็มนั่นเอง

มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนมั้ย

การปลูกผมถือว่าเป็นการผ่าตัดเล็ก โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยมากค่ะ อาจจะเป็นไปได้ที่คนไข้จะมีอาการแดง หรือเกิดสิวในบริเวณที่ปลูกและท้ายทอย หรือเกิดอาการบวมบริเวณหน้าผากจนถึงตา แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน อาการเหล่านี้ก็จะดีขึ้นและหายเป็นปกติค่ะ

มีโอกาสที่ผมจะขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์

ที่ Hairsmith Clinic เราคาดหวังว่าเส้นผมของคุณควรจะขึ้นมากกว่า 95% ค่ะ

เพราะผมที่ใช้ปลูกเป็นทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด หมดแล้วหมดเลย ดังนั้นหากเลือกผู้ให้บริการที่ไม่มีประสบการณ์ ผมที่ปลูกอาจไม่ขึ้น เท่ากับเสียผมที่ปลูกไปฟรีๆ การปลูกผมกับผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาเป็นพิเศษ อย่างไรก็ดี

ที่ Hairsmith Clinic เรามี พญ. พรีมา ทศบวร ดีกรีเป็นแพทย์อเมริกันบอร์ดศัลยกรรมปลูกผม (ABHRS) ตั้งแต่ปี 2014

ตรวจสอบแพทย์อเมริกันบอร์ดศัลยกรรมปลูกผมได้ที่นี่!

สำเร็จการศึกษาปริญญาโทด้านผิวหนังจาก Cardiff University สหราชอาณาจักร และเป็นสมาชิกของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (ISHRS) พร้อมประสบการณ์ด้านศัลยกรรมปลูกผมกว่า 8 ปี ตลอดจนเข้าร่วมเวิร์กช็อปและการประชุมของ ISHRS อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐเช็ก เกาหลีใต้ สเปน

กับผลงานคนไข้ที่ปลูกผมประสบความสำเร็จแล้วกว่า 3,000 เคส คุณจึงมั่นใจได้เลยว่า Hairsmith Clinic คือตัวจริงเรื่องปลูกผมถาวรอันดับต้นๆ ของประเทศ

Free Consult

ปรึกษาเราได้ฟรี

0
YEARS OF EXPERIENCE
0
PATIENT
0
ABHRS SINCE

พญ.พรีมา ทศบวร

แพทย์ประจำคลินิกปลูกผมที่มีประสบการณ์ผ่าตัดสำเร็จมาแล้วกว่า 3,000 ราย การันตีความสามารถระดับสากลโดย American Board of Hair Restoration Surgery หรือ ABHRS จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นสถาบันที่ให้การรับรองด้านศัลยกรรมปลูกผมเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก

ABHRS
ISHRS