Ketoconazole Shampoo ช่วยแก้รังแคและเชื้อราบนหนังศีรษะได้จริงมั้ย

KETOCONAZOLE SHAMPOO ตัวช่วยแก้ปัญหารังแคและเชื้อราบนหนังศีรษะ_1

เรื่องรังแคและเชื้อรากวนใจ ถือเป็นหนึ่งในปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเส้นผมที่คนส่วนใหญ่พบเจอกันมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ซี่งการจะกำจัดปัญหาดังกล่าวจะว่ายากก็ยากจะว่าง่ายก็ง่าย เพราะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนไข้ส่วนหนึ่งและการรักษาที่ตรงจุดด้วยส่วนหนึ่ง หัวข้อในวันนี้หมอจะมาพูดเกี่ยวกับวิธีในการรักษารังแคและเชื้อรา โดยมี Ketoconazole Shampoo เป็นพระเอกหลักของเรื่องค่ะ

คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) คือ ยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อราที่ผิวหนังและในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น เชื้อราในเลือด ปอด ช่องคลอด กลาก เกลื้อน และรังแค โดย Ketoconazole จะทำหน้าที่กำจัดเชื้อราที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อ ด้วยการจะหยุดการสังเคราะห์ของเออร์กอสเตอรอล (Ergosterol) ที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์เชื้อรา ทำให้การลำเลียงอาหารเข้าเซลล์ของเชื้อราถูกทำลาย ทำให้เชื้อราขาดสารอาหารและหยุดการเจริญเติบโต พร้อมทั้งยังป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราใหม่อีกด้วย โดย Ketoconazole ที่ใช้รักษาเชื้อรานั้น จะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่

แบบเม็ด

ใช้สำหรับกิน โดยจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และอาการของโรค ซึ่งในรูปแบบนี้แพทย์มักจะไม่ค่อยแนะนำให้เป็นทางเลือกแรกสักเท่าไร เพราะเป็นไปได้ว่าคนไข้ที่ได้รับยาจะมีอาการข้างเคียงที่รุนแรง เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน และยังเป็นพิษต่อตับสูงอีกด้วย

แบบครีม

ใช้รักษาโรคติดเชื้อราทางผิวหนังโดยการทา ซึ่งอาการที่ Ketoconazole แบบครีมจะรักษาได้นั้น จะเป็นอาการประเภท กลากเกลื้อน แต่จะทำให้เกิดอาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ระคายเคืองผิว คัน แสบร้อน เป็นต้น

แบบแชมพู

หรือที่เรียกว่า Ketoconazole Shampoo ที่มี Ketoconazole 2% เป็นตัวยาสำคัญ ใช้สำหรับสระหรือฟอกในบริเวณที่ปรากฏอาการ เช่น รังแค เชื้อราบนหนังศีรษะ ซึ่งเจ้าตัว Ketoconazole Shampoo นี้แหละค่ะที่หมอยกให้เป็นพระเอกของวันนี้ และหมอจะอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ในหัวข้อถัดไปค่ะ

KETOCONAZOLE SHAMPOO ตัวช่วยแก้ปัญหารังแคและเชื้อราบนหนังศีรษะ_2

มาถึงในหัวข้อของข้อดีของ Ketoconazole Shampoo กันบ้าง ว่าถ้าหากใช้ในปริมาณ ความถี่ และจำนวนครั้งที่ถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์ ก็จะช่วยรักษาปัญหารังแคและหนังศีรษะของเราได้ ส่วนใหญ่หากคนไข้ต้องการรักษาโรคหนังศีรษะ จะต้องใช้ Ketoconazole Shampoo 1- 2% ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ โดยต้องฟอกทิ้งเอาไว้ 3-5 นาทีก่อนล้างออก แต่ถ้าหากคนไข้ต้องการใช้เพื่อการป้องกันโรค สามารถใช้ Ketoconazole Shampoo แบบ 2% ใช้เพียงแค่ 1 ครั้ง ทุก 1-2 สัปดาห์เท่านั้น ไม่ควรใช้ต่อเนื่องนานเกินไป โดยข้อดีของ Ketoconazole Shampoo ก็มีดังต่อไปนี้

  1. ช่วยลดการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ที่บริเวณรากผม ทำให้ช่วยลดผมบางจากกรรมพันธุ์ได้
  2. รักษารังแคและป้องกันการเกิดรังแคซ้ำซ้อน
  3. ทำให้ผมไม่มัน ทั้งยังช่วยลดความมันบนหนังศีรษะหากใช้ในบริมาณที่กำหนด
  4. รักษาโรคผิวหนังที่เกิดบนหนังศีรษะ รวมไปถึงสามารถรักษาโรคเซ็บเดิร์มหรือโรคต่อมไขมันอักเสบได้อีกด้วย ถ้าหากใครสนใจเรื่องของโรคเซ็บเดิร์ม สามารถเข้าไปอ่านได้ที่บทความเรื่อง เป็นเซ็บเดิร์มปลูกผมได้มั้ย ที่หมอเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ได้เลยค่ะ
  5. ช่วยรักษาโรคเชื้อราบนหนังศีรษะ เพราะ Ketoconazole มีฤทธิ์ที่สามารถยับยั้งการลำเลียงสารอาหารของเชื้อราได้ ทำให้เชื้อราไม่สามารถเจริญเติบโตบนหนังศีรษะของเราได้อีกต่อไป
KETOCONAZOLE SHAMPOO ตัวช่วยแก้ปัญหารังแคและเชื้อราบนหนังศีรษะ_3

และถึงแม้ว่าสรรพคุณของ Ketoconazole Shampoo จะฟังดูดีแค่ไหน แต่ก็อย่าลืมว่าตัวยาชนิดนี้เป็นยาที่มีอาการข้างเคียงเยอะ และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์ที่มักเกิดขึ้น จะมีอาการต่าง ๆ แบบนี้ค่ะ

  1. มีอาการหนังศีรษะแห้งมากจนเกินไป เพราะ Ketoconazole Shampoo มีส่วนช่วยลดความมันบนหนังศีรษะ ถ้าหากใช้มากเกินหรือติดต่อกันนานเกินไปก็อาจทำให้หนังศีรษะแห้งได้ค่ะ
  2. มีอาการระคายเคืองหนังศีรษะ ไม่ว่าจะเป็น อาการคัน แสบร้อน หรือปวดบวมก็นับเป็นอาการข้างเคียงทั้งหมด และถือเป็นอาการแพ้แบบที่สามารถพบได้ในกรณีที่แพ้ผลิตภัณฑ์และตัวยาอื่นเช่นกัน

ซึ่ง 2 อาการข้างเคียงที่ได้พูดถึงไปข้างต้น สามารถหายได้เอง เพียงแค่ลดปริมาณการใช้หรือหยุดใช้ยา อาการก็จะหายไปได้เองโดยไม่ต้องพบแพทย์ แต่ถ้าหากมีอาการที่รุนแรงมาก เช่น วิงเวียน ปวดหัว เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นเร็ว เป็นลม เหนื่อยอ่อน คลื่นไส้อาเจียน รู้สึกเจ็บท้องส่วนบนเนื่องมาจากเกิดความผิดปกติที่ตับ รวมไปถึงมีปัสสาวะสีเข้มและไม่อยากอาหารร่วมด้วย ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

เพราะถือว่ามีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง และตัวยา Ketoconazole สำหรับกินมักส่งผลกระทบต่อตับ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าหากเราต้องการรักษาอาการที่เป็นด้วย Ketoconazole แบบกินจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพราะแพทย์บางคนอาจจำเป็นที่จะต้องเช็คค่าตับก่อนการวินิจฉัยนั่นเองค่ะ

Ketoconazole ยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อราที่ผิวหนังและในร่างกาย ทำหน้าที่กำจัดเชื้อราที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อ ด้วยการจะหยุดการสังเคราะห์ของ Ergosterol ที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์เชื้อรา ทำให้การลำเลียงอาหารเข้าเซลล์ของเชื้อราถูกทำลาย ทำให้เชื้อราขาดสารอาหารและหยุดการเจริญเติบโต พร้อมทั้งยังป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราใหม่ โดยแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ แบบเม็ด แบบครีมและแบบแชมพู ซึ่งวิธีใช้นั้นจะต้องใช้ Ketoconazole Shampoo 1- 2% ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ โดยต้องฟอกทิ้งเอาไว้ 3-5 นาทีก่อนล้างออก แต่ถ้าหากคนไข้ต้องการใช้เพื่อการป้องกันโรค สามารถใช้ Ketoconazole Shampoo แบบ 2% ใช้เพียงแค่ 1 ครั้ง ทุก 1-2 สัปดาห์เท่านั้น ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกินไป

ประโยชน์ของ Ketoconazole Shampoo สามารถช่วยลดผมบางจากกรรมพันธุ์ได้ รักษารังแค ช่วยลดความมันบนหนังศีรษะ รักษาโรคเซ็บเดิร์ม และเชื้อราบนหนังศีรษะ ในส่วนของอาการข้างเคียงที่มักเกิดขึ้น จะมีอาการศีรษะแห้งมากเกินไป ระคายเคืองหนังศีรษะ ซึ่งเป็นอาการที่ไม่เป็นอันตราย เพียงแค่หยุดใช้ อาการก็จะหายไปได้เองโดยไม่ต้องพบแพทย์ แต่ถ้าหากมีอาการที่รุนแรงมาก เช่น วิงเวียน ปวดหัว เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นเร็วรู้สึกเจ็บท้องส่วนบนเนื่องมาจากเกิดความผิดปกติที่ตับ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะถือว่ามีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรงค่ะ

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

คุณหมอพรีมาเข้าร่วมงานประชุม World Congress ครั้งที่ 25
ข่าวสาร
Prima Tossaborvorn

คุณหมอพรีมาเข้าร่วมงานประชุม World Congress ครั้งที่ 25 จัดขึ้นที่กรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็ค

หมอพรีมาได้มีโอกาสเข้าร่วมงานประชุม World Congress ครั้งที่ 25 จัดขึ้นที่กรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็ค ซึ่งเป็นงานประชุมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเกี่ยวกับศัลยกรรมปลูกผม ที่นี่นับว่าเป็นศูนย์รวมของผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยจากทั่วโลกที่มาเสนอผลงานวิจัยใหม่ล่าสุดและแบ่งปันความรู้ทางวิชาการในวงการนี้

ปลูกผม DHI
บทความ
Prima Tossaborvorn

ความเข้าใจผิดระหว่างวิธีปลูกผม DHI กับ FUE

หมอได้ยินคำถามจากคนไข้ต่างชาติว่าวิธีปลูกผมด้วยเทคนิค DHI ดีกว่า วิธีปลูกผม FUE ยังไง คำถามนี้แอบทำให้หมอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากด้วยกลยุทธ์โฆษณาในปัจจุบัน บ่อยครั้งมันทำให้คนไข้เริ่มเข้าใจผิด หมออยากเขียนอธิบายเกี่ยวกับวิธีปลูกผม DHI และวิธีปลูกผม FUE ดังนี้ค่ะ

ช่องเสือร้องไห้ YOUTUBER ชื่อดัง เลือกเข้ามาปรึกษาสุขภาพเส้นผมที่ HAIRSMITH CLINIC_1
บทความ
Prima Tossaborvorn

ช่องเสือร้องไห้ ยูทูปเบอร์ชื่อดัง เลือกเข้ามาปรึกษาสุขภาพเส้นผมที่ Hairsmith Clinic

เมื่อช่องเสือร้องไห้ มีผู้ติดตามบนยูทูปกว่า 3 ล้านคน เข้ามาปรึกษาสุขภาพเส้นผมที่ Hairsmith Clinic พบกับความสนุกสนานพร้อมสอดแทรกสาระความรู้การปลูกผม และสาระน่ารู้เกี่ยวกับเส้นผม

ปลูกผมแบบ NON-SHAVEN FUE กับ FUE ต่างกันอย่างไร_1
บทความ
Prima Tossaborvorn

ปลูกผมแบบ NON-SHAVEN FUE กับ FUE ต่างกันอย่างไร

เข้าใจลึกซึ้งในการเปรียบเทียบระหว่างการปลูกผมแบบ Non-Shaven FUE และ FUE ทั่วไป ทำความเข้าใจในข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธี, รวมถึงการฟื้นตัวหลังการผ่าตัด หาคำแนะนำที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการเลือกระหว่างวิธีการปลูกผมแบบ Non-Shaven FUE หรือ FUE ทั่วไป ทำให้การตัดสินใจของคุณเป็นไปอย่างมีข้อมูลและมั่นใจ.